สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (ตอน 4) “สร้างบ้าน แปงเมือง”

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (ตอน 4) “สร้างบ้าน แปงเมือง”

เผยแพร่เมื่อ 03-08-2022 ผู้ชม 1,143

[16.5212962, 97.4942877, สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (ตอน 4) “สร้างบ้าน แปงเมือง”]

        หลังจากที่พระเจ้ามังระสวรรคต ทางพม่าก็เกิดการแย่งชิงอำนาจกันภายในอยู่หลายปี ทำให้กรุงธนบุรีมีโอกาสได้หายใจหายคอ ระหว่างนั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงมีพระบรมราชโองการให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกกับเจ้าพระยาสุรสีห์ฯ ยกทัพไปตีลาวและกัมพูชาเพิ่มเติม จนสร้างเขตแดนของอาณาจักรกรุงธนบุรี จรดเวียดนาม ส่วนพระองค์เร่งวางรากฐานให้กรุงธนบุรี
        ครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง พม่าไม่ได้เผาเฉพาะเมือง แต่ได้ทำลายวัฒนธรรมไทยทั้งหมดด้วย เพื่อไม่ให้เหลือเชื้อไว้สำหรับการสร้างชาติขึ้นมาใหม่ได้อีกเลย
        ช่างฝีมือทุกสาขาถูกต้อนกลับไปพม่าหมด แม้แต่พระภิกษุยังถูกไล่สังหารยกวัด มีบันทึกจากมิชชันนารีที่ยังอาศัยอยู่ในกรุงศรีฯ เขียนไว้ว่า เช้าวันหนึ่งทหารพม่านำพระภิกษุมารวมกลุ่มกันแล้วสังหารไปนับสิบรูป ในคราเดียว
        กรุงธนบุรีจึงต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่ง เพื่อสร้างวัฒนธรรมกันใหม่
        การสร้างชาติมิใช่เพียงการขยายราชอาณาเขต แต่ประชาชนคนในชาติต้องมีเอกลักษณ์ วัฒนธรรม อันเป็นคุณสมบัติทางนามธรรมของชาตินั้นด้วย
        สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงทรงพยายามเสาะหาพระเถระต่างๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อมาเผยแผ่พระศาสนาในกรุงธนบุรี และพบว่าพระอาจารย์ศรีวัดพนัญเชิงได้หลบภัยพม่าไปอยู่ที่เมืองนครศรีธรรมราช จึงนิมนต์กลับสู่กรุงธนบุรี
        ทุกครั้งที่ตีหัวเมืองใหญ่ของไทย เช่น นครศรีธรรมราช ราชสีมา พิมาย พิษณุโลก และเชียงใหม่ได้ พระองค์จะโปรดเกล้าฯ ให้นำผู้เชี่ยวชาญทางวัฒนธรรมของแต่ละภาคมาถ่ายทอดความรู้เหล่านั้นแก่ชาวกรุงธนบุรี
        สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงให้รวบรวมความรู้ทุกสาขาที่ยังหลงเหลืออยู่หลังจากกรุงศรีอยุธยาแตก มาแยกเป็นหมวดหมู่ และตั้งโรงสอนอย่างเป็นระบบ เช่น วิชาแพทย์แผนโบราณ วิชาช่างปั้น ช่างถม ช่างแกะสลัก ช่างปูนปั้น ช่างเหล็ก ช่างเงิน ช่างทอง วิชาเย็บปักถักร้อย ทำกับข้าว การจัดบ้านเรือน ฯลฯ
        สมเด็จพระเจ้าตากสินมีพระปรีชาสามารถทางด้านการประพันธ์ จึงทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ถึง 4 ตอน และตำราการฝึกกรรมฐานอีก 1 เล่ม และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้ที่มีความรู้ทางด้านโขน ละคร รำไทย ปี่พาทย์ ฯลฯ ตั้งโรงฝึกสอนได้อย่างไม่จำกัด ทรงส่งเสริม ตั้งรางวัลให้มีการประกวด ประขัน ประชันกัน อย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้นาฏศิลป์ นาฏดุริยางค์ และศิลปะการละครในสมัยกรุงธนบุรีรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก
        ในสมัยกรุงธนบุรี การค้าระหว่างไทย–จีน เจริญสุดขีด เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงมีเชื้อสายจีน และทรงเชี่ยวชาญภาษาจีนถึงสามสำเนียง คือ จีนแต้จิ๋ว จีนกวางตุ้ง และจีนฮกเกี้ยน พระองค์จึงทรงติดต่อสื่อสารกับพระเจ้ากรุงจีนได้โดยตรง โดยใช้พระนาม “เสียมล่อก๊กแต้เจียว”
        เรือสำเภาของไทยที่ส่งสินค้าไปขายยังเมืองจีนทำกำไรได้อย่างมหาศาล โดยที่จีนไม่เก็บภาษีขาเข้าเลย ได้ดุลการค้า จนสามารถนำมาใช้จ่ายเป็นเงินเดือนของข้าราชการทั้งหมดได้โดยที่ไม่ต้องเก็บภาษีจากประชาชน บางวันมีเรือสำเภาขนสินค้าออกจากท่าธนบุรีไปยังเมืองจีนถึง 12 ลำ พร้อมๆ กัน
        เนื่องจากเรือสินค้าในสมัยนั้นยังไม่ใช้เครื่องยนต์ และขนาดไม่ใหญ่นัก ต้องแล่นลัดเลาะชายฝั่งเพื่อความปลอดภัย เรือจากยุโรปเลาะมาทางนครศรีธรรมราช สุดที่กรุงธนบุรี ในขณะที่เรือจากจีนก็เลาะมาทางเวียดนาม กัมพูชา จังหวัดตราด สุดที่กรุงธนบุรีเช่นกัน เราจึงเป็นศูนย์กลางของการค้าโลก (ในปัจจุบันเรือใช้เครื่องยนต์ จึงพักที่สิงคโปร์ แล้ววิ่งฝ่ามหาสมุทรไปจีน ญี่ปุ่นได้เลย) นอกจากนั้น กรุงธนบุรียังเป็นศูนย์กลางการต่อเรือของโลกอีกด้วย
        พระองค์ทรงเลือกสถานที่สร้างกรุงแห่งใหม่ที่ “ธนบุรี” ซึ่งแปลความหมายตรงตัวได้ว่า “เมืองแห่งเงิน” หรือ “เมืองแห่งความมั่งคั่ง” เพราะมีชัยภูมิที่เหมาะสมกับการเป็นศูนย์กลางแห่งการค้าและการเดินเรือ เมื่อเทียบแล้ว กรุงธนบุรีจึงมีความสำคัญมากกว่าเกาะสิงคโปร์ในเวลานั้นเสียอีก
        กรุงธนบุรีเริ่มเป็นปึกแผ่นมั่นคง ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ในขณะที่กรุงศรีอยุธยาต้องใช้เวลาถึงกว่าสามร้อยปีจึงจะสามารถพัฒนาขึ้นเป็นศูนย์กลางการค้าของเอเชียอาคเนย์ แต่พระองค์กลับทรงสร้างกรุงธนบุรีให้เจริญมั่งคั่งเกินหน้าสมัยอยุธยาได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียง 10 ปีเท่านั้น
        .......และแล้ว พม่าก็เริ่มผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งการแย่งชิงอำนาจ ผู้ชนะคือ พระอนุชาของพระเจ้ามังระ นามว่า “พระเจ้าปดุง” ซึ่งมีความหมายมั่นจะยกทัพมายึดแผ่นดินไทยอีกครั้งอย่างแรงกล้ายิ่ง เมฆฝนแห่งสงครามครั้งใหญ่ กำลังก่อตัวขึ้น.......คราวนี้หนักกว่าเมื่อครั้งศึกอะแซหวุ่นกี้เสียอีก...... (ส่วนอะแซหวุ่นกี้ยอดขุนศึกคู่บัลลังค์กษัตริย์องค์ก่อน ถูกพระเจ้าปดุงยัดข้อหาว่าเป็นกบฏ รับโทษถูกประหารชีวิตไปตามระเบียบ)
       ในรัชสมัยพระเจ้าปดุง ไทยต้องทำสงครามครั้งใหญ่กับพม่า ถึง 7 ครั้ง

คำสำคัญ : พระเจ้าตากสินมหาราช

ที่มา : https://www.facebook.com/doctorsom

รวบรวมและจัดทำข้อมูล : กาญจนา จันทร์สิงห์


สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มาหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร. (2565). สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (ตอน 4) “สร้างบ้าน แปงเมือง”. สืบค้น 28 มีนาคม 2567, จาก https://arit.kpru.ac.th/ap2/local/?nu=pages&page_id=2137&code_db=610001&code_type=TK001

Facebook Twitter LINE Linkedin

PDF

https://arit.kpru.ac.th/ap2/local/?nu=pages&page_id=2137&code_db=610001&code_type=TK001

Google search

Mic

สถานภาพบ้านตาก-เมืองตากจากสมัยอยุธยาถึงสมัยพระจอมเกล้าฯ

สถานภาพบ้านตาก-เมืองตากจากสมัยอยุธยาถึงสมัยพระจอมเกล้าฯ

แม่ตาก-บ้านตาก-เมืองตาก เป็นเมืองที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เป็นเมืองหน้าด่านเหนือสุดบนสายแม่น้ำปิงของอยุธยาที่ต่อแดนกับรัฐล้านนา ลำปาง-เชียงใหม่ เมืองตากถูกยกให้เป็นชื่อเมืองที่มีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี เพื่อรำลึกถึงการเป็นเมืองที่พระเจ้าตากทรงเคยมาเป็นเจ้าเมืองก่อนที่จะได้เป็นกษัตริย์ แต่ความสำคัญของกลุ่มเมืองตรงนี้อยู่ที่เมืองบ้านระแหงมากกว่า ดังนั้นจึงมีการใช้ชื่อเมือง 2 เมืองเข้าด้วยกันว่า บ้านระแหงเมืองตาก เมืองตากบ้านระแหง หรือบ้านระแหงแขวงเมืองตาก ต่อมาเมื่อมีการจัดการปกครองแบบเทศาภิบาลในกลางสมัยรัชกาลที่ 5 อาณาบริเวณตรงนี้ก็ถูกเรียกว่าเมืองตาก ที่มีศูนย์บริหารของผู้ว่าเมืองตั้งอยู่ที่บ้านระแหงกระทั่งได้ยกฐานะเป็นจังหวัดตากที่มีศูนย์กลางการบริหารในเขตเทศบาลเมืองตากมาจนถึงทุกวันนี้

เผยแพร่เมื่อ 04-02-2022 ผู้เช้าชม 999

หลักฐานยืนยันจากราชสำนักจีน สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ไม่เคยกู้หรือเบี้ยวหนี้จีน

หลักฐานยืนยันจากราชสำนักจีน สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ไม่เคยกู้หรือเบี้ยวหนี้จีน

จากหลักฐานที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชไม่ได้ทรงกู้เงิน 60,000 ตำลึง จากเมืองจีน เพราะว่าเมืองสยามกับเมืองจีนยังไม่ได้มีความสัมพันธไมตรีกันจนถึงปลายรัชกาลของพระองค์ โดยพระองค์ทรงส่งเครื่องราชบรรณาการถวายพระเจ้ากรุงจีนมากมาย 4 ลำเรือ และในยุครัตนโกสินทร์โดยเฉพาะรัชกาลที่ 1 ทรงบอกทางจีนว่า พระเจ้าตากเป็นพระราชบิดาของพระองค์โดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์แต่ประการใด

เผยแพร่เมื่อ 03-08-2022 ผู้เช้าชม 1,747

พระบารมี ปกเกล้าชาวตาก

พระบารมี ปกเกล้าชาวตาก

ชาวตากนับว่ามีโอกาสดีเคยรับเสด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่หลายครา แต่คราที่อยู่ในความทรงจำคือ ในคราวปีพ.ศ.2501 มีการจัดแต่งซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติบริเวณเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินบนถนนตากสิน ในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จมาทอดพระเนตรกิจในการสร้างเขื่อนภูมิพล และทรงเสด็จมาประทับที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดตากในย่านตัวเมืองตากเดิม (ย่านตรอกบ้านจีน) เหตุการณ์ในครั้งนั้นสร้างความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวตากอย่างหาที่สุดมิได้

เผยแพร่เมื่อ 03-02-2022 ผู้เช้าชม 357

รัชกาลที่ 5 เสด็จฯ เมืองตาก วาทะท้องถิ่นกับการผลิตซ้ำ

รัชกาลที่ 5 เสด็จฯ เมืองตาก วาทะท้องถิ่นกับการผลิตซ้ำ

เมืองตากแม้จะเป็นเมืองสำคัญในฐานะเมืองกึ่งกลางเส้นทางลำน้ำปิงและเมืองชายแดนพม่าก็ตาม แต่จากเอกสารในหอจดหมายเหตุท่านไม่เคยเสด็จฯมาเมืองตาก คงจะมีเพียงมงกุฏราชกุมารซึ่งต่อมาคือรัชกาลที่ 6 เท่านั้น การเสด็จในครั้งนั้นท่านเสด็จมาถึงเพียงปากน้ำโพเพื่อทรงเปิดทางรถไฟสายเหนือ ในคราวนั้น มงกุฏราชกุมารเสด็จฯพร้อมพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จฯไปทำความคุ้นเคยกับเจ้านายหัวเมืองล้านนา ขากลับเสด็จฯ ลงมาตามลำน้ำปิงและเสด็จขึ้นเมืองตาก ในสมัยนั้นการสื่อสารคงยังไม่ทันสมัย ความแพร่ภาพเจ้านายต่อสาธารณะชนจึงน้อย และการเสด็จในครั้งนั้นเป็นการเสด็จแทนพระองค์ ชาวบ้านจึงอนุมานไปว่าเจ้านายที่เสด็จฯ คือสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงก็เป็นไปได้

เผยแพร่เมื่อ 04-02-2022 ผู้เช้าชม 549

มหาชนก ร่วมสมัย

มหาชนก ร่วมสมัย

การรังสรรค์งานศิลปะบนฝาผนังของศิลปิน เรียกว่า จิตรกรรม เป็นงานศิลปะที่ต้องใช้พลังความศรัทธาอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถ วิหาร ของวัดอันเป็นจุดกลางของชุมชน ศิลปินต้องอาศัยองค์ความรู้ที่ชำนาญทั้งการวาดภาพประกอบ การจิตนภาพชาดก วรรณกรรมพื้นบ้าน การจัดวางองค์ประกอบตัวละคร รวมไปถึงการสอดแทรกเรื่องราววิถีชาวบ้านสถานการณ์บ้านเมือง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจของการชมผนังเก่าเล่าเรื่อง หรือจิตรกรรมนั้นเอง ในเมืองตากยังมีหลายวัดที่ยังคงพยายามรักษาจิตกรรมศิลปะพื้นบ้านไว้เป็นอย่างดี อย่างเช่น วัดไม้งามหลวง ตำบลไม้งาม จังหวัดตาก

เผยแพร่เมื่อ 03-02-2022 ผู้เช้าชม 505

ตรอกบ้านจีน

ตรอกบ้านจีน

“ตรอกบ้านจีน” ชุมชนเล็ก ๆ ที่เคยคึกคักเป็นอย่างมากเมื่อสมัยร้อยกว่าปีก่อน แม้ปัจจุบันนี้กลายเป็นชุมชนที่สงบเงียบ แต่ร่องรอยความรุ่งเรืองในอดีตก็ยังมีให้เห็นสืบทอดต่อกันมา ตรอกบ้านจีนเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดนผลกระทบจากการทิ้งระเบิด การค้าขายชะงักงัน ชาวบ้านในตรอกต้องอพยพไปอยู่ถิ่นอื่น พอหลังสงครามสงบ ก็มีการขยายตลาดขึ้นไปทางทิศเหนือ ชาวบ้านในตรอกที่อพยพไปอยู่ที่อื่น บ้างก็ไม่ได้กลับมาอยู่ที่ตรอกนี้แล้ว จึงทำให้ตรอกบ้านจีนเงียบเหงาลงไปอย่างมาก จนกระทั่งเมื่อประมาณสิบปีก่อน ชาวชุมชนตรอกบ้านจีนก็ได้รวมตัวกันเพื่อดูแลรักษา ฟื้นฟู และซ่อมแซมบ้านเก่าที่ยังมีอยู่ในตรอกให้มีชีวิตชีวามากขึ้น 

เผยแพร่เมื่อ 03-02-2022 ผู้เช้าชม 689

ปุนเถ่ากง หมุดยึดจีนเก่า-จีนใหม่ในเมืองตาก

ปุนเถ่ากง หมุดยึดจีนเก่า-จีนใหม่ในเมืองตาก

เมืองตากตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าลำน้ำปิง ด้านตะวันตกติดกับชายแดนพม่าส่งผลให้กลายเป็นชุมทางหนึ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะภายหลังจากการทำสนธิสัญญาเบาริงแล้วการค้าในสยามขยายตัวมากขึ้น พร้อมกับการเข้ามาของจีนแผนดินใหญ่ในระหว่างนี้เองจีนกลุ่มต่าง ๆ จึงได้เลือกที่ลงหลักปักฐานบนย่านที่ทำการค้าได้ดี เมืองตากเป็นเมืองหนึ่งที่ชาวจีนนิยมเลือกมาทำการค้าตั้งเป็นชุมชนการค้า พร้อมทั้งน่าจะมีการสร้างศาลเจ้าจีนไว้เป็นที่เคารพของคนในย่านนั้น ศาลเจ้าปุนเถ่ากง จึงเสมือนหมุดยึดโยงความเชื่อความรักในแผ่นดินระหว่างจีนเก่า-จีนใหม่ในเมืองตาก เป็นอนุสรณ์ของชาวจีนที่เมืองตากที่ยังคงมีลมหายใจของคนในพื้นที่

เผยแพร่เมื่อ 03-02-2022 ผู้เช้าชม 1,013

ตรอกบ้านจีน ชุมชนเก่าน่าเที่ยวแห่งเมืองตาก

ตรอกบ้านจีน ชุมชนเก่าน่าเที่ยวแห่งเมืองตาก

ถนนสายเล็ก ๆ ที่ชาวเมืองตากเรียกกันว่า “ตรอกบ้านจีน” ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองตาก บนถนนตากสิน ไม่ไกลจากสะพานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี เป็นชุมชนการค้าขายที่รุ่งเรืองมากในอดีต แม้วันนี้บรรยากาศความคึกคักของชุมชนค้าขายอาจไม่หลงเหลืออยู่ แต่ยังคงมีร่องรอยของความรุ่งเรืองในอดีตปรากฏให้เห็น ผ่านบ้านเรือนเก่าที่ยังคงลักษณะของสถาปัตยกรรมเดิมไว้ค่อนข้างสมบูรณ์ ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชมท่ามกลางวิถีชีวิตอันเรียบง่าย กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดตาก

เผยแพร่เมื่อ 03-02-2022 ผู้เช้าชม 956

ซิ่นต๋า งามเหนือกาลเวลาที่ วัดโบสถ์มณีศรีบุญเรือง

ซิ่นต๋า งามเหนือกาลเวลาที่ วัดโบสถ์มณีศรีบุญเรือง

วัดโบสถ์มณีศรีบุญเรือง เป็นวัดโบราณที่อยู่คู่ชุมชนริมแม่น้ำปิงที่เมืองตากมาช้านาน ดังปรากฏจากพระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระวชิรญาณวโรรส ที่เสด็จขึ้นมายังหัวเมืองตาก ในคราวนั้นทรงกล่าวถึงความงามของพระอุโบสถวัดพร้าว และวัดโบสถ์มณีศรีบุญเรือง ว่างานสถาปัตยกรรมพื้นที่งดงาม ซึ่งในระยะต่อมาอุโบสถวัดพร้าว ได้ผาติการามไปสร้างที่เมืองโบราณ จังหวัดสุมทรปราการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือสถาปัตยกรรมพื้นที่ที่ยังคงยืนยงเหนือกาลเวลาเพียงแห่งเดียวที่เมืองตาก คือ วัดโบสถมณีศรีบุญเรือง ภายในพระวิหารยังปรากฏภาพเขียนที่งดงามเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับทศชาติของพระพุทธเจ้า ตลอดจนสอดแทรกวิถีชีวิตของชาวเมืองตากเมื่อราวร้อยปีมาแล้วให้ระลึกถึงบรรพบุรษคนเมืองตากที่เกิดแรงบันดาลสร้างสรรค์งานศิลปกรรมชิ้นเอกคู่ท้องถิ่นของเรา

เผยแพร่เมื่อ 04-02-2022 ผู้เช้าชม 481

รำวงบ้านเสาสูง

รำวงบ้านเสาสูง

บ้านเสาสูง เป็นชื่อที่คนในรุ่นปัจจุบันของเมืองตากเลือนไปแล้วตามการเปลี่ยนผ่านของเมือง คำว่าเสาสูงในที่นี้หมายถึงเสารับสัญญาโทรเลขที่ส่งตรงมาจากชุมสายต้นทางที่ปากครองโอ่งอ่างกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นชุมสายโทรเลขต่างประเทศที่สำคัญนับเนื่องมาตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าหลวง เป็นต้นมา ส่งตรงจากกรุงเทพฯ มายังย่านตัวเมืองตากและไปส่งสัญญานต่อที่อำเภอแม่สอด บ้านเสาสูงในปัจจุบันคือบริเวณย่านซอย 21 ซึ่งเป็นย่านตัวเมืองตากเดิมในสมัยรัชกาลที่ 2-7 หรือในปัจจุบันอาจจะเรียกย่านนั้นว่าย่านระแวกชุมชนตรอกบ้านจีนนั้นเอง

เผยแพร่เมื่อ 03-02-2022 ผู้เช้าชม 352