สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (ตอน 4) “สร้างบ้าน แปงเมือง”
เผยแพร่เมื่อ 03-08-2022 ผู้ชม 950
[16.5212962, 97.4942877, สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (ตอน 4) “สร้างบ้าน แปงเมือง”]
หลังจากที่พระเจ้ามังระสวรรคต ทางพม่าก็เกิดการแย่งชิงอำนาจกันภายในอยู่หลายปี ทำให้กรุงธนบุรีมีโอกาสได้หายใจหายคอ ระหว่างนั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงมีพระบรมราชโองการให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกกับเจ้าพระยาสุรสีห์ฯ ยกทัพไปตีลาวและกัมพูชาเพิ่มเติม จนสร้างเขตแดนของอาณาจักรกรุงธนบุรี จรดเวียดนาม ส่วนพระองค์เร่งวางรากฐานให้กรุงธนบุรี
ครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง พม่าไม่ได้เผาเฉพาะเมือง แต่ได้ทำลายวัฒนธรรมไทยทั้งหมดด้วย เพื่อไม่ให้เหลือเชื้อไว้สำหรับการสร้างชาติขึ้นมาใหม่ได้อีกเลย
ช่างฝีมือทุกสาขาถูกต้อนกลับไปพม่าหมด แม้แต่พระภิกษุยังถูกไล่สังหารยกวัด มีบันทึกจากมิชชันนารีที่ยังอาศัยอยู่ในกรุงศรีฯ เขียนไว้ว่า เช้าวันหนึ่งทหารพม่านำพระภิกษุมารวมกลุ่มกันแล้วสังหารไปนับสิบรูป ในคราเดียว
กรุงธนบุรีจึงต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่ง เพื่อสร้างวัฒนธรรมกันใหม่
การสร้างชาติมิใช่เพียงการขยายราชอาณาเขต แต่ประชาชนคนในชาติต้องมีเอกลักษณ์ วัฒนธรรม อันเป็นคุณสมบัติทางนามธรรมของชาตินั้นด้วย
สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงทรงพยายามเสาะหาพระเถระต่างๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อมาเผยแผ่พระศาสนาในกรุงธนบุรี และพบว่าพระอาจารย์ศรีวัดพนัญเชิงได้หลบภัยพม่าไปอยู่ที่เมืองนครศรีธรรมราช จึงนิมนต์กลับสู่กรุงธนบุรี
ทุกครั้งที่ตีหัวเมืองใหญ่ของไทย เช่น นครศรีธรรมราช ราชสีมา พิมาย พิษณุโลก และเชียงใหม่ได้ พระองค์จะโปรดเกล้าฯ ให้นำผู้เชี่ยวชาญทางวัฒนธรรมของแต่ละภาคมาถ่ายทอดความรู้เหล่านั้นแก่ชาวกรุงธนบุรี
สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงให้รวบรวมความรู้ทุกสาขาที่ยังหลงเหลืออยู่หลังจากกรุงศรีอยุธยาแตก มาแยกเป็นหมวดหมู่ และตั้งโรงสอนอย่างเป็นระบบ เช่น วิชาแพทย์แผนโบราณ วิชาช่างปั้น ช่างถม ช่างแกะสลัก ช่างปูนปั้น ช่างเหล็ก ช่างเงิน ช่างทอง วิชาเย็บปักถักร้อย ทำกับข้าว การจัดบ้านเรือน ฯลฯ
สมเด็จพระเจ้าตากสินมีพระปรีชาสามารถทางด้านการประพันธ์ จึงทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ถึง 4 ตอน และตำราการฝึกกรรมฐานอีก 1 เล่ม และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้ที่มีความรู้ทางด้านโขน ละคร รำไทย ปี่พาทย์ ฯลฯ ตั้งโรงฝึกสอนได้อย่างไม่จำกัด ทรงส่งเสริม ตั้งรางวัลให้มีการประกวด ประขัน ประชันกัน อย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้นาฏศิลป์ นาฏดุริยางค์ และศิลปะการละครในสมัยกรุงธนบุรีรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก
ในสมัยกรุงธนบุรี การค้าระหว่างไทย–จีน เจริญสุดขีด เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงมีเชื้อสายจีน และทรงเชี่ยวชาญภาษาจีนถึงสามสำเนียง คือ จีนแต้จิ๋ว จีนกวางตุ้ง และจีนฮกเกี้ยน พระองค์จึงทรงติดต่อสื่อสารกับพระเจ้ากรุงจีนได้โดยตรง โดยใช้พระนาม “เสียมล่อก๊กแต้เจียว”
เรือสำเภาของไทยที่ส่งสินค้าไปขายยังเมืองจีนทำกำไรได้อย่างมหาศาล โดยที่จีนไม่เก็บภาษีขาเข้าเลย ได้ดุลการค้า จนสามารถนำมาใช้จ่ายเป็นเงินเดือนของข้าราชการทั้งหมดได้โดยที่ไม่ต้องเก็บภาษีจากประชาชน บางวันมีเรือสำเภาขนสินค้าออกจากท่าธนบุรีไปยังเมืองจีนถึง 12 ลำ พร้อมๆ กัน
เนื่องจากเรือสินค้าในสมัยนั้นยังไม่ใช้เครื่องยนต์ และขนาดไม่ใหญ่นัก ต้องแล่นลัดเลาะชายฝั่งเพื่อความปลอดภัย เรือจากยุโรปเลาะมาทางนครศรีธรรมราช สุดที่กรุงธนบุรี ในขณะที่เรือจากจีนก็เลาะมาทางเวียดนาม กัมพูชา จังหวัดตราด สุดที่กรุงธนบุรีเช่นกัน เราจึงเป็นศูนย์กลางของการค้าโลก (ในปัจจุบันเรือใช้เครื่องยนต์ จึงพักที่สิงคโปร์ แล้ววิ่งฝ่ามหาสมุทรไปจีน ญี่ปุ่นได้เลย) นอกจากนั้น กรุงธนบุรียังเป็นศูนย์กลางการต่อเรือของโลกอีกด้วย
พระองค์ทรงเลือกสถานที่สร้างกรุงแห่งใหม่ที่ “ธนบุรี” ซึ่งแปลความหมายตรงตัวได้ว่า “เมืองแห่งเงิน” หรือ “เมืองแห่งความมั่งคั่ง” เพราะมีชัยภูมิที่เหมาะสมกับการเป็นศูนย์กลางแห่งการค้าและการเดินเรือ เมื่อเทียบแล้ว กรุงธนบุรีจึงมีความสำคัญมากกว่าเกาะสิงคโปร์ในเวลานั้นเสียอีก
กรุงธนบุรีเริ่มเป็นปึกแผ่นมั่นคง ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ในขณะที่กรุงศรีอยุธยาต้องใช้เวลาถึงกว่าสามร้อยปีจึงจะสามารถพัฒนาขึ้นเป็นศูนย์กลางการค้าของเอเชียอาคเนย์ แต่พระองค์กลับทรงสร้างกรุงธนบุรีให้เจริญมั่งคั่งเกินหน้าสมัยอยุธยาได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียง 10 ปีเท่านั้น
.......และแล้ว พม่าก็เริ่มผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งการแย่งชิงอำนาจ ผู้ชนะคือ พระอนุชาของพระเจ้ามังระ นามว่า “พระเจ้าปดุง” ซึ่งมีความหมายมั่นจะยกทัพมายึดแผ่นดินไทยอีกครั้งอย่างแรงกล้ายิ่ง เมฆฝนแห่งสงครามครั้งใหญ่ กำลังก่อตัวขึ้น.......คราวนี้หนักกว่าเมื่อครั้งศึกอะแซหวุ่นกี้เสียอีก...... (ส่วนอะแซหวุ่นกี้ยอดขุนศึกคู่บัลลังค์กษัตริย์องค์ก่อน ถูกพระเจ้าปดุงยัดข้อหาว่าเป็นกบฏ รับโทษถูกประหารชีวิตไปตามระเบียบ)
ในรัชสมัยพระเจ้าปดุง ไทยต้องทำสงครามครั้งใหญ่กับพม่า ถึง 7 ครั้ง
คำสำคัญ : พระเจ้าตากสินมหาราช
ที่มา : https://www.facebook.com/doctorsom
รวบรวมและจัดทำข้อมูล : กาญจนา จันทร์สิงห์
สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มาหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร. (2565). สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (ตอน 4) “สร้างบ้าน แปงเมือง”. สืบค้น 10 ธันวาคม 2566, จาก https://arit.kpru.ac.th/ap/local/?nu=pages&page_id=2137&code_db=610001&code_type=TK001
Google search
แม่ตาก-บ้านตาก-เมืองตาก เป็นเมืองที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เป็นเมืองหน้าด่านเหนือสุดบนสายแม่น้ำปิงของอยุธยาที่ต่อแดนกับรัฐล้านนา ลำปาง-เชียงใหม่ เมืองตากถูกยกให้เป็นชื่อเมืองที่มีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี เพื่อรำลึกถึงการเป็นเมืองที่พระเจ้าตากทรงเคยมาเป็นเจ้าเมืองก่อนที่จะได้เป็นกษัตริย์ แต่ความสำคัญของกลุ่มเมืองตรงนี้อยู่ที่เมืองบ้านระแหงมากกว่า ดังนั้นจึงมีการใช้ชื่อเมือง 2 เมืองเข้าด้วยกันว่า บ้านระแหงเมืองตาก เมืองตากบ้านระแหง หรือบ้านระแหงแขวงเมืองตาก ต่อมาเมื่อมีการจัดการปกครองแบบเทศาภิบาลในกลางสมัยรัชกาลที่ 5 อาณาบริเวณตรงนี้ก็ถูกเรียกว่าเมืองตาก ที่มีศูนย์บริหารของผู้ว่าเมืองตั้งอยู่ที่บ้านระแหงกระทั่งได้ยกฐานะเป็นจังหวัดตากที่มีศูนย์กลางการบริหารในเขตเทศบาลเมืองตากมาจนถึงทุกวันนี้
เผยแพร่เมื่อ 04-02-2022 ผู้เช้าชม 901
จากหลักฐานที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชไม่ได้ทรงกู้เงิน 60,000 ตำลึง จากเมืองจีน เพราะว่าเมืองสยามกับเมืองจีนยังไม่ได้มีความสัมพันธไมตรีกันจนถึงปลายรัชกาลของพระองค์ โดยพระองค์ทรงส่งเครื่องราชบรรณาการถวายพระเจ้ากรุงจีนมากมาย 4 ลำเรือ และในยุครัตนโกสินทร์โดยเฉพาะรัชกาลที่ 1 ทรงบอกทางจีนว่า พระเจ้าตากเป็นพระราชบิดาของพระองค์โดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์แต่ประการใด
เผยแพร่เมื่อ 03-08-2022 ผู้เช้าชม 1,497
กลุ่มจีนแคะ เป็นจีนกลุ่มๆที่เดินทางเข้ามา จีนกลุ่มแรกที่เข้ามามีบทบาทสำคัญคือ จีนแต้จิ๋ว กลุ่มจีนแคะเดินทางเข้ามาระลอกใหญ่ หลังจากการเปิดเส้นทางรถไฟสถานีปากน้ำโพและสถานีเมืองพิษณุโลก ภายหลังอพยพต่อมายังเมืองใกล้เคียง เช่น แพร่ สุโขทัย กำแพงเพชร และที่เมืองตากก็เป็นอีกเมืองหนึ่งที่จีนแคะเลือกมาทำการค้า โดยหอบเอาความรู้ด้านเชิงช่างงาน ฝีมือติดตัวมาด้วย เลือกลงหลักปักฐานในย่านถนนตากสิน ซึ่งเป็นถนนการค้าริมน้ำที่สำคัญมาแต่ช่วงหลังสงครามมหาเอเชียบูรพาเป็นต้นมา
เผยแพร่เมื่อ 04-02-2022 ผู้เช้าชม 663
รถโดยสารที่มีตัวถังของรถสร้างด้วยไม้ด้านในกรุพื้นด้วยไม้ด้านบนในห้องผู้โดยสารทำไม้เป็นระแนง เป็นรถยอดนิยมที่ขนถ่ายผู้คนจากนอกเมืองตากเพื่อเข้ามายังย่านการค้าแห่งใหม่ย่านตลาดริมน้ำ ผู้คนเรียกขานตามรูปลักษณ์ที่พบเห็นว่า "รถคอกหมู" ปัจจุบันยังคงพอจะเห็นรถคอกหมูวิ่งไปมาในย่านตัวเมืองอยู่บ้าง เพื่อให้ระลึกถึงช่วงการเปลี่ยนผ่านของเมืองเป็นหมุดหมายกาลเวลาที่อีกไม่นานคงเหลือให้ชมจากภาพก็น่าจะเป็นได้
เผยแพร่เมื่อ 03-02-2022 ผู้เช้าชม 561
การสื่อสารที่แสนทันสมัยในยุครัชกาลที่ 5 จังหวัด ตากเป็นเมืองที่มีอาณาเขตทางฝั่งตะวันตกในอำเภอแม่สอดติดกับประเทศพม่าสามารถเดินทางต่อไปยังเมืองท่ามะละแหม่ง ตากจึงเป็นชุมทางโทรเลขที่สำคัญมากที่สุดในการติดต่อกับชาติตะวันตกในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ภายหลังความนิยมใช้โทรเลขก็ลดบทบทลงตามสมัยนิยม เหลือไว้เพียงชื่อหมู่บ้านที่เป็นชุมทางโทรเลข เช่น ในเมืองตากย่านตรอกบ้านจีน ยังเคยเป็นชุมทางไปรณีย์ที่สำคัญในเมืองตาก เป็นที่ตั้งของเสาโทรเลขชาวตากจึงเรียกย่านนั้นว่า บ้านเสาสูง
เผยแพร่เมื่อ 04-02-2022 ผู้เช้าชม 327
หลังจากที่พระเจ้ามังระสวรรคต ทางพม่าก็เกิดการแย่งชิงอำนาจกันภายในอยู่หลายปี ทำให้กรุงธนบุรีมีโอกาสได้หายใจหายคอ ระหว่างนั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงมีพระบรมราชโองการให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกกับเจ้าพระยาสุรสีห์ฯ ยกทัพไปตีลาวและกัมพูชาเพิ่มเติม จนสร้างเขตแดนของอาณาจักรกรุงธนบุรี จรดเวียดนาม ส่วนพระองค์เร่งวางรากฐานให้กรุงธนบุรี
เผยแพร่เมื่อ 03-08-2022 ผู้เช้าชม 950
ถนนสายเล็ก ๆ ที่ชาวเมืองตากเรียกกันว่า “ตรอกบ้านจีน” ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองตาก บนถนนตากสิน ไม่ไกลจากสะพานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี เป็นชุมชนการค้าขายที่รุ่งเรืองมากในอดีต แม้วันนี้บรรยากาศความคึกคักของชุมชนค้าขายอาจไม่หลงเหลืออยู่ แต่ยังคงมีร่องรอยของความรุ่งเรืองในอดีตปรากฏให้เห็น ผ่านบ้านเรือนเก่าที่ยังคงลักษณะของสถาปัตยกรรมเดิมไว้ค่อนข้างสมบูรณ์ ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชมท่ามกลางวิถีชีวิตอันเรียบง่าย กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดตาก
เผยแพร่เมื่อ 03-02-2022 ผู้เช้าชม 822
ชาวตากนับว่ามีโอกาสดีเคยรับเสด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่หลายครา แต่คราที่อยู่ในความทรงจำคือ ในคราวปีพ.ศ.2501 มีการจัดแต่งซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติบริเวณเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินบนถนนตากสิน ในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จมาทอดพระเนตรกิจในการสร้างเขื่อนภูมิพล และทรงเสด็จมาประทับที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดตากในย่านตัวเมืองตากเดิม (ย่านตรอกบ้านจีน) เหตุการณ์ในครั้งนั้นสร้างความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวตากอย่างหาที่สุดมิได้
เผยแพร่เมื่อ 03-02-2022 ผู้เช้าชม 317
กฎหมายมังรายศาสตร์เป็นการกล่าวถึงวิธีพิจารณาความและตัดสินความในแง่มุมต่าง ๆ ของคนในล้านนา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการสั่งสม ถ่ายทอด และเกิดเป็นวัฒนธรรมที่มีรูปแบบอันเป็นอัตลักษณ์ของตนเอง และกระจายแนวคิดดังกล่าวไปยังเมืองโดยรอบที่รับวัฒนธรรมล้านนา จึงส่งผลให้เมืองตากมีความเป็นเมืองลูกผสมระหว่างวัฒนธรรมลุ่มน้ำปิงตอนบนและวัฒนธรรมปิงตอนล่างที่รับวัฒนธรรมขั้นใหญ่มาจากลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่แสดงให้เห็นวัฒนธรรมเมืองชายตะเข็บแห่งล้านนาที่เห็นได้ง่ายคือ การตั้งถิ่นฐานของกลุ่มชนลาว วัฒนธรรมอาหาร วัฒนธรรมการพูด(ปากลาว) ประเพณีที่เป็นแบบไทย ๆ ลาว ๆ และการถ่ายทอดด้านภาษาเขียนหรือตัวธรรมล้านนา
เผยแพร่เมื่อ 04-02-2022 ผู้เช้าชม 684
“ตรอกบ้านจีน” ชุมชนเล็ก ๆ ที่เคยคึกคักเป็นอย่างมากเมื่อสมัยร้อยกว่าปีก่อน แม้ปัจจุบันนี้กลายเป็นชุมชนที่สงบเงียบ แต่ร่องรอยความรุ่งเรืองในอดีตก็ยังมีให้เห็นสืบทอดต่อกันมา ตรอกบ้านจีนเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดนผลกระทบจากการทิ้งระเบิด การค้าขายชะงักงัน ชาวบ้านในตรอกต้องอพยพไปอยู่ถิ่นอื่น พอหลังสงครามสงบ ก็มีการขยายตลาดขึ้นไปทางทิศเหนือ ชาวบ้านในตรอกที่อพยพไปอยู่ที่อื่น บ้างก็ไม่ได้กลับมาอยู่ที่ตรอกนี้แล้ว จึงทำให้ตรอกบ้านจีนเงียบเหงาลงไปอย่างมาก จนกระทั่งเมื่อประมาณสิบปีก่อน ชาวชุมชนตรอกบ้านจีนก็ได้รวมตัวกันเพื่อดูแลรักษา ฟื้นฟู และซ่อมแซมบ้านเก่าที่ยังมีอยู่ในตรอกให้มีชีวิตชีวามากขึ้น
เผยแพร่เมื่อ 03-02-2022 ผู้เช้าชม 614