ตำนานบ้านสลกบาตร

ตำนานบ้านสลกบาตร

เผยแพร่เมื่อ 05-09-2019 ผู้ชม 2,739

[15.9887217, 99.8137777, ตำนานบ้านสลกบาตร]

เมื่อประมาณ 200 ปีเศษ ได้มีบุคคลกลุ่มหนึ่่ง อพยพมาจากทิศตะวันออก โดยมีล้อเกวียน วัว ควายเป็นพาหนะ เพื่อมาหาที่ทำกินและที่อยู่อาศัยในสมัยนั้น รวมกันประมาณ 7-8 ครอบครัว ประมาณ 20 กว่าคน เมื่อเดินทางมาถึงได้จอดล้อเกวียนเพื่อหยุดพักให้วัว ควายกินน้ำกินหญ้า และพักหุงหาอาหารกินกันที่ข้างคลอง ชายโนนและชายคลอง ซึ่งมีต้นตะเคียน ต้นขี้เหล็ก ต้นโพธิ์ ขึ้นอยู่บนโนนอย่างหนา มีคลองน้ำไหลอยู่ในโนน ผู้ที่อพยพมาเป็นสภาพพื้นที่ เกิดความพอใจว่าสภาพที่เห็นนี้พวกเขาสามารถที่จะบุกเบิกหักร้างถางพงเพื่อใช้เป็นที่ทำกินอยู่อยู่อาศัยได้ จึงได้ปรึกษาหารือกันและตกลงกันว่า จะยึดพื้นที่ผื่นนี้เป็นท่ี่ทำไร่ ทำนาและทำกินโดยแบ่งกันไม่ไกลกันนัก แบ่งไปเป็นสัดส่วน ในความสามารถของแต่ละครอบครัว เมื่ออยู่กันมาได้สัก 3-5 ปี ก็ได้มีพระธุดงค์รูปหนึ่ง ซึ่งชาวบ้านเห็นว่าเป็นพระอาวุโสน่าเลื่อมใส จึงเกิดศรัทธา จึงนิมนต์ให้ท่านได้ปักกลดจำวัดที่โนนสักคืน เพื่อจะได้ถวายอาหาร รับศีลรับพรกัน ตั้งแต่มาอยุ่ที่นี่ยังมิเคยได้พบพระพบเจ้ากันเลย พระท่านก็ไม่ขัดข้อง รับนิมนต์จากชาวบ้านปักกรดจำวัดที่ชายโนนใกล้ๆ บ้าน พอตกกลางคืนหัวหน้าหมู่บ้านก็พากันมานิมนต์พระท่านแสดงธรรมะให้ทุกคนฟัง ชาวบ้านก็มีความปิติยินดีเป็นอย่างมาก และก่อนจะกลับก้ได้นิมนต์พระว่าในตอนเช้ารุ่งขึ้นพวกเขาจะนำข้าวปลาอาหารหว่านคาว มาถวายในท่านตามที่มีอยู่ เมื่อถึงเวลาตอนเช้าชาวบ้านก็พากันทำอาหารคาวหวานมาทำบุญกัน และหลังจากถวายอาหารเสร็จพระก็ได้ให้ศรีให้พรจนเรียบร้อย พระธุดงค์ท่านก็อำลาญาติโยมชาวบ้านธุดงค์ต่อไปทางทิศตะวันออก เมื่อพระได้เดินทางออกไปไม่นานเท่าไรชาวบ้านก็ได้เหลือบไปเห็นสลกบาตร (ที่ห่อหุ้มบาตรเป็นสายสะพาย) วางอยุ่บนพุ่มไม้ ชาวบ้านจึงรีบไปหยิบเอามาและรีบติดตามพระธุดงค์ไป เพื่อจะได้มอบให้ท่าน จึงแบ่งกันเป็น 2 พวก พวกหนึ่งตามรอยท่านไปทันพระที่โนนแห่งหนึ่ง ปัจจุบัน เรียก "โนนทัน" พวกที่ตามพระอีกพวกหนึ่งไปสลักพระที่หนองน้ำแห่งหนึ่งเข้าใจว่าพระท่านต้องไปพักที่หนองน้ำดังกล่าว เมื่อไปพบพระกันที่หนองน้ำชาวบ้านก็มอบสลกบาตรให้ท่าน และท่านก็ขอบใจชาวบ้าน และกล่าวว่าอาตมาจะขอตั้งชื่อบ้านและชื่อหนองน้ำให้ด้วยเลย หนองที่อยู่และพบกันนี้ ตั้งชื่อให้ว่า (ชื่อวังสลักพระ) โดยที่พวกโยมตามมาทัน ชื่อว่าโนนทัน หมู่บ้านที่อาตมาปักกรดจำวัดเมื่อคืนที่ลืมสลกบาตรไว้ ให้ชื่อว่าบ้านสลกบาตร จึงเรียกกันมาถึงทุกวันนี้

คำสำคัญ : บ้านสลกบาตร

ที่มา : ประวัติอำเภอขาณุวรลักบุรี จังหวัดกำแพงเพชร. (2547). กำแพงเพชร : โรงพิมพ์ศรีสวัสดิ์การพิมพ์.

รวบรวมและจัดทำข้อมูล : กาญจนา จันทร์สิงห์


สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มาหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร. (2562). ตำนานบ้านสลกบาตร. สืบค้น 6 ธันวาคม 2566, จาก https://arit.kpru.ac.th/ap2/local/?nu=pages&page_id=1236&code_db=610006&code_type=01

Facebook Twitter LINE Linkedin

PDF

https://arit.kpru.ac.th/ap2/local/?nu=pages&page_id=1236&code_db=610006&code_type=01

Google search

Mic

นิทานพื้นบ้าน เรื่องพ่อตากับลูกเขย

นิทานพื้นบ้าน เรื่องพ่อตากับลูกเขย

พ่อตากับลูกเคยคูํนี้ไม่คํอยถูกกัน ลูกเขยคนนี้ชอบเอาเปรียบพ่อตาอยู่เสมอ วันหนึ่งพํอตากับลูกเขยไปเกี่ยวข้าวที่ในนา พอเย็นลูกเขยก็จะรีบกลับบ้านก่อน แล้วบอกวำ “พ่อ พ่อ ฉันกลับแล้วนะ ” แล้วเข๎าไปอยู่ในตาเข่งให้พ่อตาหาบกลับบ้าน ทำ่อย่างนี้บ่อย ๆ เข้าจนพํอตาจับได้จึงเอามั่ง “ข้ากลับบ้านก่อนนะ เก็บข้าวของให้หมดด้วย” แล้วก็แอบเข้าไปอยูํในตาเข่ง ลูกเขยหาบกลับก็รู้วำพํอตาแก้แค๎น จึงพูดลอย ๆ ขึ้นวำ “ร้อนจัง เดี๋ยวหยุดอาบน้ำกํอนดีกว่า” เอาตาเข่งวางแล้วพูดวำ “ช้างมา ช้างมา อย่าเหยียบตาเข่งข้านะ พ่อตาไมํรู้นึกวำช้างมาจริงๆ จึงลุกจากตาเข่งขึ้นมา ลูกเขยจึงจับได้

เผยแพร่เมื่อ 03-09-2019 ผู้เช้าชม 1,787

ตำนานหลวงพ่ออุโมงค์

ตำนานหลวงพ่ออุโมงค์

หลวงพ่ออุโมงค์ วัดสว่างอารมณ์ วัดสว่างอารมณ์ อยู่ในตำบลนครชุม เป็นพระพุทธรูปแบบเชียงแสนขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 2.87 เมตร สูงเกือบ 3 เมตร มีพุทธลักษณะที่งดงามยิ่งเป็นหลักฐานสำคัญประกอบข้อเท็จจริงถึงความสัมพันธ์ระหว่างกำแพงเพชรและหัวเมืองฝ่ายเหนือ หลวงพ่ออุโมงค์เป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน (ก่อนสุโขทัย) ขนาดหน้าตักกว้าง 2.87 เมตร สูงเกือบ 3 เมตร จากการบอกเล่าพบหลวงพ่อในดินลักษณะคล้ายจอมปลวกจึงขุดกันออกมา มองดูคล้ายท่านอยู่ในอุโมงค์ สันนิษฐานว่าคงหลบพวกพม่าที่มาตีเมืองในสมัยนั้น หรือปราฏิหารย์ของท่านก็ไม่อาจทราบได้ ท่านเป็นที่เคารพบูชาของชาวนครชุม และชาวกำแพงเพชรมาเป็นเวลาช้านาน เมื่อถึงวันเพ็ญเดือน 4 ชาวจังหวัดกำแพงเพชร จะจัดงานประเพณีนมัสการปิดทอง "หลวงพ่ออุโมงค์" เป็นประจำทุกปี

เผยแพร่เมื่อ 13-03-2018 ผู้เช้าชม 2,168

ตำนานวัดกาทิ้ง

ตำนานวัดกาทิ้ง

ริมฝั่งลำน้ำปิง มีเมืองโบราณคือเมืองคณฑี หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่าบ้านโคน เป็นชุมชนโบราณที่ไม่มีคูน้ำและคันดินล้อมรอบ ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของลำน้ำปิง พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำรงพระยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธสยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จทอดพระเนตรชุมชนโบราณแห่งนี้ เมื่อปีพุทธศักราช 2450 ทรงกล่าวถึงชุมชนบ้านโคนว่า คงเป็นเมืองมาแต่โบราณ แต่หาคูหรือเทินและกำแพงไม่ได้ วัดเก่าที่ตั้งอยู่บริเวณนี้ชื่อวัดกาทิ้ง

เผยแพร่เมื่อ 10-03-2020 ผู้เช้าชม 1,312

นิทานพื้นบ้าน เรื่องพระกับเด็กขี้มูกมาก

มีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่ง แม่เป็นคนชอบทำบุญ จะใส่บาตรตอนเช้าทุกวัน อยู่มาวันหนึ่ง แมํไม่ว่างออกมาใส่บาตร จึงบอกให้ลูกสาวไปใส่บาตรแทนลูกสาวยังเด็กตื่นมาไมํทันล้างหน้าล้างตาก็รีบไปใสํบาตร ขี้มูกขี้ตาเกรอะกรัง พอพระเห็นเข้าก็รังเกียจเอาฝาบาตรเคาะหัวจนเป็นรอยแผลเป็นที่หน้าผาก ผ่านมาหลายปีพระก็สึก สํวนเด็กคนนั้นก็โตเป็นสาวสวย เลยมาชอบกันอดีตพระเห็นแฟนสาวมีแผลเป็น ที่หน้าผากก็ถามวำหน้าผาก น้องเป็นอะไร แฟนสาวบอกวำไมํรู้ไอ้พระบ้าที่ไหนเอาฝาบาตรมาเคาะหัว อดีตพระก็เลยจำได้ ขำกันทั้งคูํ อยำงนี้แหละเขาเรียกวำจุดไต้ตำตอ

เผยแพร่เมื่อ 03-09-2019 ผู้เช้าชม 1,067

หลวงพ่อยักษ์ กินเณร ที่วัดสว่างอารมณ์

หลวงพ่อยักษ์ กินเณร ที่วัดสว่างอารมณ์

หลวงพ่อยักษ์ เป็นพระพุทธรูป ปางมารวิชัย ขนาดใหญ่ ประดิษฐานอยู่ในวิหารริมคลองสวนหมาก ด้านหน้าของหลวงพ่ออุโมงค์ มีพุทธลักษณะพระพักตร์เป็นแบบ ศิลปะท้องถิ่นกำแพงเพชร เล่ากันว่า ผู้ปั้นคือปู่นวนและปู่เกิด สองพี่น้องนามสกุลธรรมสอน เป็นช่างทองมาจากจังหวัดตาก พร้อมๆกับหลวงพ่อบุญมี เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดสว่างอารมณ์ ปากคลองเหนือ ช่วยกันปั้นเศียรเปลี่ยนให้ใหม่ แต่เดิมหลวงพ่อยักษ์นี้ไม่มีชื่อเสียงเรียงนามแต่อย่างใด

เผยแพร่เมื่อ 17-04-2020 ผู้เช้าชม 2,042

เมืองไตรตรึงษ์ในนิยายปรัมปรา

เมืองไตรตรึงษ์ในนิยายปรัมปรา

มีบทละครเรื่อง ท้าวแสนปม พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงสันนิษฐานเพิ่มเติมจากตำนานเรื่องท้าวแสนปม ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์เอาไว้ดังนี้ เมื่อราวจุลศักราช 550 พ.ศ.1731 มีพระเจ้าแผ่นดินไทยองค์หนึ่ง เป็นเชื้อวงศ์ของพระเจ้าพรหมมหาราช ทรงพระนามว่าท้าวไชยศิริ ครองเมืองฝางอยู่ ได้ถูกข้าศึกจากรามัญประเทศยกมาตีเมือง ท้าวไชยศิริสู้ ไม่ได้ จึงหนีลงมาทางใต้ พบพวกไทยที่อพยพกันลงมาแต่ก่อนแล้ว ตั้งอยู่ตำบลแพรก พวกไทยเหล่านั้นหาเจ้านายเป็นขุนครองมิได้ จึงอัญเชิญท้าวไชยศิริขึ้นเป็นขุนเหนือตน

เผยแพร่เมื่อ 02-03-2020 ผู้เช้าชม 1,166

นิทานเรืื่อง คนขี้ลืม

นิทานเรืื่อง คนขี้ลืม

มีชายคนหนึ่งเป็นคนขี้ลืมจริงๆ เรื่องอะไรจำได้ประเดี๋ยวเดียวก็ลืม วันหนึ่งชายคนนี้ถือมีดเดินเข้าไปในป่าจะไปตัดต้นไม้ เดินไปซักพักก็เกิดปวดท้องขี้ขึ้นมา หาที่เหมาะๆ ได้แล้ว ก็เอามีดฟันติดไว้กับต้นไม้ แล้วก็นั่งขี้ พอลุกขึ้น เห็นมีดเล่มหนึ่งอยู่ที่ต้นไม้ ลืมไปว่าเป็นมีดของตัวเอง ดีใจมาก หยิบมีดมาแล้วพูดว่า “วันนี้โชคดีแต่เช้าเลย เจอมีดของใครก็ไม่รู้” พอจะเดินกลับ ก็เหยียบขี้ของตัวเองอีก โมโหมาก ตะโกนด่าว่า “อ้ายคนไหนมาขี้ไว้ ป่าตั้งกว้างใหญ่ไม่อายใครเลย” จากนั้นก็เดินกลับบ้านพร้อมมีดของตัวเอง

เผยแพร่เมื่อ 27-03-2020 ผู้เช้าชม 1,334

ทุ่งมหาราช

ทุ่งมหาราช

เรียมเอง เป็นนามแฝงของมาลัย ชูพินิจ (2449-2506) ซึ่งนอกจากจะเป็นนักหนังสือพิมพ์ผู้มีชื่อเสียงแล้ว ยังเป็นนักเขียนเรื่องหลายประเภท ที่รู้จักกันดีในวงการนักอ่าน ไม่ว่าจะใช้นามจริงหรือนามแฝง เช่น ม. ชูพินิจ, เรียมเอง, น้อย อินทนนท์, แม่อนงค์ ทุ่งมหาราช เป็นนวนิยายเสมือนบันทึกเหตุการณ์ของผู้เขียนสมัยเมื่อครั้งใช้ชีวิตอยู่กับบิดา มารดาที่คลองสวนหมาก จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งในยุคนั้นผู้คนต้องผ่านพบความยากลำบากนานับประการ ตั้งแต่ความอดอยากยากแค้น โรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะไข้ทรพิษ และน้ำท่วม หนังสือเล่มนี้สะท้อนภาพของเรื่องราวดังกล่าว โดยผ่านตัวละครที่มีเลือดเนื้อและวิญญาณ เช่น รุ่ง หรือขุนนิคมบริบาล ซึ่งคาเรือนและบ้านไร่ ก็เพิ่งมีชาวเวียงจันทน์อพยพมาอยู่ไม่กี่ครอบครัว ความคิดของรุ่งสะท้อนความรู้สึกส่วนใหญ่ของชาวบ้านต่อการทำมาหากินด้วยความเป็นอิสระของตนเอง

เผยแพร่เมื่อ 10-03-2020 ผู้เช้าชม 3,285

นิทานพื้นบ้าน เรื่องตาทอง

ตาทองอาศัยอยูํกับภรรยาเพียงลำพัง ตาทองชอบเลํนการพนันเป็นชีวิตจิตใจ เลํนทีไรก็ เสียเงินหมด แล้วแกก็ขอเมียแก ขอแล้วขออีก แตํก็ไม่เคยเหลือกลับมา คราวนี้ตาทองก็บอกเมียอีกวำ “แม่มึงขอเงินอีก เงินไม่พอเรียนหมอ” เมียแกเอ่ยวำ “เอ้า แกเอาเงินไปเรียนหมอรึ ข้าเพิ่งรู้” แล๎วก็สํงเงินให้ตาทองก็เอาไป วันต่อมาตาทองมาขอเงินอีก แต่เมียบอกวำไม่มีเหลือควาย 2 ตัว เอาไปขายซะ แล้วตาทอง ก็ถามวำ “เมื่อไรแกจะเรียนหมอจบลํะ ” “เดี๋ยวก็จบแล๎ว ตาทองตอบ แล้วตาทองก็เอาเงินไปเลํนการพนันอีกตามเคย เวลาผำนไป เมียก็ถามวำ “พ่อมึงเรียนจบยังลํะ หมอนํะ” ตาทองตอบวำ “วันนี้ก็จบแล๎วแมํมึง” ตาทองเลํนการพนันจนเงินหมดก็กลับบ้าน ระหวำงเดินกลับบ้านก็แอบเห็นคนขโมยควายอยูํใต้ต้นไทร หยุดแอบดูแล้วก็กลับบ้านเพราะไมํได้เกี่ยวอะไร กับตนเอง เวลาตํอมามีชายคนหนึ่งตะโกนวำควายหาย ถูกลักไป มีคนบอกวำไปหาตาทองซิ แกไปเรียนดูหมอมา ชายผู้นี้ก็ไปหาตาทองให้ดูวำควายที่ถูกขโมยไปอยูํที่ไหน บังเอิญตาทองรู้วำควายอยูํตรงไหนก็แอบยิ้มในใจ ทำทำหยิบไม้มาเขยำ แล้วบอกวำ “อ๋อ ควาย เจ้าหายเหรอ เจ้าไปใต้ต้นไทรใหญํท้ายหมูํบ้านสิ แล้วจะเจอควายของเจ๎า ชายคนนั้นก็เดินไปแล้วพบควายที่หายไปจริง ๆ จึงพูดชมเชยวำตาทองเป็นหมอดูที่แมํนจริง ๆ 

เผยแพร่เมื่อ 03-09-2019 ผู้เช้าชม 1,455

นิทานเรื่อง พ่อตากับลูกเขยโค่นต้นตาล

นิทานเรื่อง พ่อตากับลูกเขยโค่นต้นตาล

วันหนึ่งลูกเขยชวนพ่อตาไปโค่นต้นตาล ฝ่ายลูกเขยก็พูดว่า “เอ้าพ่อ ! พ่อฟันข้างนอกก่อนเลยฟันเปลือกมันก่อนนะพ่อนะ เดี๋ยวแก่นมันผมฟันเอง” ฝ่ายพ่อตาก็ฟันใหญ่เลยแล้วก็บ่นอีก “โอ๊ยขนาดเปลือกมันยังแข็งขนาดนี้นะเนี่ยไอ้หนู แล้วแก่นมันเอ็งจะฟันไหวรึ มันจะขาดให้เอ็งรึ” พอพ่อตาฟันเสร็จแล้วไอ้ลูกเขยก็ฟันบ้าง แต่มันฟันฉวบๆ เลย ก็ต้นตาลนะมันจะมีอะไรล่ะ ข้างในนะ ไอ้ที่ว่าแก่นแข็งๆ นะมันอยู่ข้างนอกรอบต้นมันนี่ ฝ่ายพ่อตาเห็นลูกเขยตัวก็ยังชมมันอีกว่า “เอ่อไอ้หนูเอ็งนี่แรงดีว่ะ ขนาดพ่อฟันแค่เปลือกมันยังหมดแรงเลยวะ”

เผยแพร่เมื่อ 27-03-2020 ผู้เช้าชม 1,591