ศาลเจ้าพ่อขุนสามชน

ศาลเจ้าพ่อขุนสามชน

เผยแพร่เมื่อ 17-08-2018 ผู้ชม 7,834

[16.7570101, 98.6296652, ศาลเจ้าพ่อขุนสามชน]

      ศาลเจ้าพ่อขุนสามชนนั้น มีที่มาจากตำนานเจ้าพ่อขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด โดยตำนานคร่าวๆ มีดังต่อไปนี้ พ่อขุนสามชน เป็นราชบุตรของ พ่อขุนจันคำเหลือง เจ้าเมืองฉอด และ เจ้าแตงอ่อน (เจ้ามุกขวดี) มีพระอนุชาชื่อ พ่อขุนพุฒวงษ์ยนต์หงส์ เมื่อพ่อขุนจันคำเหลืองสวรรคตแล้ว พ่อขุนสามชนราชบุตรองค์ใหญ่ได้สืบราชสมบัติในเมืองฉอดแทนพระราชบิดา
      ต่อมามี เจ้าแม่มโนราห์ เป็นชายา เมืองฉอดปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอแม่ระมาดซึ่งอยู่เหนืออำเภอแม่สอดขึ้นไป พ่อขุนสามชนสืบราชสมบัติต่อมาไม่นาน ก็ทรงเริ่มทำสงครามแผ่ขยายอาณาเขต และด้วยเป็นขุนศึกที่เชี่ยวชาญเชิงยุทธ์ ประกอบกับมีน้ำพระทัยโอบอ้อมอารีย์รักไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน สาเหตุที่ขุนสามชน ทำศึกกับสุโขทัยนั้น เป็นเพราะความเข้าใจผิดกัน เพราะก่อนหน้านี้ ขอมสมาดโขลญลำพง ยึดอำนาจเป็นใหญ่ที่เมืองสุโขทัยและข่มเหงรังแกคนไทยมาก พ่อขุนสามชนจึงดำริว่า จะต้องยกกองทัพไปตีเมืองสุโขทัยก่อน เพื่อล้มอำนาจ ขอมสมาดโขลญลำพง และจะรวมไทยเข้าเป็นปึกแผ่นเข้าด้วยกัน โดยมีสุโขทัยเป็นเมืองแม่แต่ขณะที่ยกทัพไปนั้น
      พ่อขุนบางกลางท่าว กับ พ่อขุนผาเมืองได้ ปราบขอมสำเร็จแล้วและพ่อขุนบางกลางท่าว ก็ได้ปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัยทรง พระนามว่าพระเจ้าขุนศรีอินทราทิตย์ ขุนสามชนได้ข่าวก็รู้สึกยินดีเป็นล้นพ้น แต่ก็เดินทัพต่อเพื่อต้องการเกลี้ยกล่อมคนไทยด้วยกันให้เข้าสวามิภักดิ์ต่อกรุงสุโขทัย หาได้ต้องการเข่นฆ่าคนไทยด้วยกันไม่ แต่ทางสุโขทัยไม่ทราบเรื่อง เพราะขุนสามชนไม่ได้แจ้งให้ทราบจึงเกิดความเข้าใจผิด เมื่อกองทัพปะทะกันยังไม่ทันได้พูดจา จึงเกิดการต่อสู้กัน พ่อขุนสามชนกระทำยุทธหัตถีกับพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ และเมื่อพ่อขุนศรีอินทราทิตย์อ่อนล้าและกำลังจะถอยร่นไปนั้น พ่อขุนรามราชบุตรก็เข้ามาช่วยจนขุนสามชนเสียหลักและบาดเจ็บหลายแห่ง จึงถอยทัพกลับเมืองฉอด
      ฝ่ายพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ก็มิได้ติดตามไปซ้ำอีกเพราะเห็นเป็นไทยด้วยกัน ขุนสามชนรู้สึกเสียพระทัยมากที่ลูกหลานไทยตายไปจำนวนมาก เมื่อทรงหายจากประชวรแล้ว ก็ตัดสินพระทัยสละราชสมบัติให้พระอนุชา คือ พ่อขุนพุฒวงษ์ยนต์หงษ์ และตรัสสอนว่าให้ดูแลทุกข์สุขของราษฎรทุกคนเหมือนลูกหลาน จงรวมคนไทยที่แตกแยกเข้าด้วยกัน หากเกิดศัตรูที่เป็นคนต่างชาติจะมาเอาแผ่นดิน จงรวมพลังต่อสู้
      ศาลเจ้าพ่อขุนสามชน ตั้งอยู่ทางขวามือ ทางหลวงหมายเลข 105 (ตาก-แม่สอด) ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 70-71 ศาลนี้เพิ่งสร้างเสร็จและทำพิธีเปิดเมื่อปลายปี 2523 เหตุที่สร้างศาลนี้เล่ากันว่ามีคหบดีผู้หนึ่งเจ็บปวดด้วยโรคอัมพาตมาช้านานแล้วได้ฝันว่ามีผุ้มาบอกให้สร้างศาลแห่งนี้ขึ้นตรงบริเวณที่เป็นศาลปัจจุบัน คหบดีผู้นี้จึงสร้างศาลขึ้นถวายเรียกว่า ศาลเจ้าพ่อขุนสามชมนับแต่นั้นมาอาการของคหบดีผู้นั้น ก็เป็นปกติ ชาวบ้านจึงให้ความเคารพนับถือศาลนี้มาก

คำสำคัญ : ศาลเจ้าพ่อขุนสามชน

ที่มา : https://www.thai-tour.com/place/tak/maesot/1014

รวบรวมและจัดทำข้อมูล : กาญจนา จันทร์สิงห์


สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มาหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร. (2561). ศาลเจ้าพ่อขุนสามชน. สืบค้น 16 กรกฎาคม 2567, จาก https://arit.kpru.ac.th/ap/local/?code_db=610002&code_type=TK007&nu=pages&page_id=810

Facebook Twitter LINE Linkedin

PDF

https://arit.kpru.ac.th/ap2/local/?nu=pages&page_id=810&code_db=610002&code_type=TK007

Google search

Mic

วัดไทยสามัคคี

วัดไทยสามัคคี

วัดไทยสามัคคีเดิม มีชื่อว่า วัดเหนือ หรือวัดใหม่ ตั้งอยู่ บ้านแม่กื้ดหลวงหมู่ที่ 1 ตำบลแม่กาษา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก สร้างเมื่อปี พ.ศ.2482 โดยมี ท่านพระครูอุทัย (ครูบามูล) เจ้าคณะตำบลแม่สอด มาเป็นประธานการก่อสร้าง โดยมีนายจักร แผ่กาษา ได้มอบที่ดินถวายให้สร้างวัด ต่อมาคณะศรัทธาสาธุชนได้ร่วมแรงกันสร้างกุฏิไม้ไผ่มุงหลังคาด้วยแฝกพอเป็นที่พักพิงอาศัยของพระภิกษุสงฆ์และสามเณรขึ้นมา 1 หลัง เพื่อประกอบการบำเพ็ญกุศล เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ท่านพระครูอุทัยก็ได้จัดให้พระวัน (ครูบาวัน) มารักษาการแทนเจ้าอาวาสได้ 11 พรรษา ต่อมาในปี พ.ศ. 2493 ได้นิมนต์พระทอหล่อ กันทะวํโส มาเป็นแทนเจ้าอาวาส ปี 2501 ท่านได้มรณภาพไป จึงได้นิมนต์พระบุญช่วย โสปาโก มาเป็นเจ้าอาวาส ได้ 9 พรรษาท่านก็ได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น

เผยแพร่เมื่อ 21-12-2020 ผู้เช้าชม 1,907

ตลาดดอยมูเซอ

ตลาดดอยมูเซอ

ตลาดดอยมูเซอ จัดว่าเป็นตลาดสดของชาวไทยภูเขาที่ใหญ่ ที่สุดแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะจำนวนร้านค้าแผงลอยและจำนวนความหลากหลายของสินค้าเกษตรภายในตลาด เรียกว่ามีเยอะแยะละลานตาไปหมด ตลาดดอยมูเซอในปัจจุบันมีด้วยกัน 2 ตลาด แบ่งเป็นตลาดเก่าและตลาดใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกันแค่ 1 กิโลเมตรเท่านั้น ลักษณะของตลาดดอยมูเซอเก่าจะเป็นตลาดในแนวยาวเรียงรายขนานไปตามถนนสายหลัก ซึ่งบรรยากาศจะคึกคักตลอดทั้งวัน ทั้งบรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยภูเขา ชาวบ้านในแถบนั้น รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างก็แวะเวียนมาจับจ่ายสินค้ากันเป็นจำนวนมาก

เผยแพร่เมื่อ 17-08-2018 ผู้เช้าชม 3,163

สนามกีฬา 5 อำเภอชายแดน (นานาชาติ)

สนามกีฬา 5 อำเภอชายแดน (นานาชาติ)

สนามกีฬา 5 อำเภอชายแดน (นานาชาติ) อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นสนามกีฬาของอาเซียน ที่รองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนตาก จากการเชื่อมโยง ด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ระหว่างประเทศได้ และรองรับโรงเรียนกีฬาของเทศบาลนครแม่สอด สำหรับสนามกีฬา 5 อำเภอชายแดนเป็นสนามกีฬามาตรฐาน มีลู่วิ่งยางสังเคราะห์ที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากการวิ่งบนถนน และสามารถใช้แข่งขั้นกีฬาในระดับภูมิภาคจนไปสู่ระดับชาติได้ สถานที่จัดการเรียนการสอนของโรงเรียนกีฬาเทศบาลนครแม่สอดอย่างเป็นทางการ

เผยแพร่เมื่อ 03-08-2022 ผู้เช้าชม 741

คอกช้างเผือก

คอกช้างเผือก

ตั้งอยู่เขตบ้านท่าอาจ ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก การเดินทางตามทางหลวงหมายเลข 105 ก่อนถึงตลาดริมเมยประมาณ 1 กิโลเมตร เลี้ยวขวาผ่านหน้าวัดไทยวัฒนารามตามทางลาดยางประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบโบราณสถานคอกช้างเผือก หรือพะเนียดช้างทำเป็นกำแพงก่อด้วยอิฐมอญ มีความสูงประมาณ 1 เมตรเศษ กว้างประมาณ 25 เมตร ยาวประมาณ 80 เมตร

เผยแพร่เมื่อ 17-08-2018 ผู้เช้าชม 3,676

น้ำตกธารารักษ์

น้ำตกธารารักษ์

น้ำตกธารารักษ์ หรือน้ำตกผาชัน อยู่ในเขตบ้านเจดีย์โคะ เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามตามธรรมชาติเป็นน้ำตกขนาดเล็กมีชั้นเดียว มีลักษณะเป็นน้ำตกไหลลงมาจากหน้าผาหินปูนสูงประมาณ 30 เมตร น้ำตกแห่งนี้มีลักษณะพิเศษคือมีเจดีย์อยู่ข้างตัวน้ำตก ในบริเวณนั้นเป็นเทือกเขาไม่สูงนัก ด้านหน้ามีหนองน้ำซึ่งเด็กในพื้นที่จะไปเล่นน้ำกันที่นี่ เนื่องจากเป็นที่ค่อนข้างโล่งกว้าง และมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ใต้น้ำตกจึงมีลมเย็นๆ พัดตลอดน่าเป็นที่พักผ่อน นักท่องเที่ยวสามารถขับรถขึ้นไปดูเจดีย์บนยอดเขาได้ โดยการขับรถไปตามทางหลวงห่างจากน้ำตกประมาณ 700 เมตรจะมีทางเข้าไปตามถนนผ่านหมู่บ้านเจดีย์โค๊ะ ลัดเลาะไปตามไร่ข้าวโพดของชาวบ้าน แล้วเลี้ยซ้ายเข้าไปตามป้ายจะมีบอก หรือไม่ก็ถามชาวบ้านละแวกนั้นดู ไปได้ไม่ยาก เมื่อมาถึงบนยอดเขาแล้วจะเห็นเจดีย์ตั้งตระหง่าน พร้อมด้วยเส้นทางไปดูต้นทางของน้ำตกได้

เผยแพร่เมื่อ 21-12-2020 ผู้เช้าชม 3,451

พระธาตุหินกิ่วที่ดอยดินจี่

พระธาตุหินกิ่วที่ดอยดินจี่

ชมความมหัศจรรย์แห่งองค์พระธาตุที่ตั้งอยู่บนชะง่อนผาสูง โดยมีหินก้อนใหญ่ซึ่งมีฐานคอดกิ่วราวกับจะแยกขาด จากกันวางตัวอยู่บนหน้าผานั้น ซึ่งชาวบ้านต่างพากันขนานนามว่า “เจดีย์หินพระอินทร์แขวน” อีกทั้งหินที่อยู่บนดอยนี้ยังมีสีดำหรือน้ำตาลไหม้ บางคนจึงเรียกพระธาตุองค์นี้ว่า “พระธาตุดอยดินจี่” ซึ่งหมายถึงดินที่ถูกไฟไหม้นั่นเอง ทั้งนี้ภายในเจดีย์มีพระธาตุประดิษฐานอยู่ ที่เรียกกันว่า “พญาล่อง” ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของ ชาวจังหวัดตากและจังหวัดใกล้เคียง และในบริเวณวัดพระธาตุฯ ยังมีเรือโบราณที่มีอายุประมาณ 200 ปี พบเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2539 โดยชาวบ้านวังตะเคียนได้ช่วยกันกู้ขึ้นมาเก็บรักษาไว้ที่เชิงดอยดินจี่เรือลำนี้เป็นเรือขุดจากไม้ซุงทั้งต้น 

เผยแพร่เมื่อ 17-08-2018 ผู้เช้าชม 4,215

บ่อน้ำพุร้อนแม่กาษา

บ่อน้ำพุร้อนแม่กาษา

น้ำพุร้อนแม่กาษานั้น มีอยู่ด้วยกัน 2 บ่อ วางตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติโดยน้ำพุร้อนมีอุณหภูมิสูงถึง 75 องศาเซลเซียส โดยปัจจุบันมีห้องบริการอาบน้ำแร่และบ่ออาบน้ำซึ่งปราศจากกลิ่นฉุนจากก๊าซกำมะถัน ความสำคัญเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมของชาวอำเภอแม่สอด และชาวประเทศเพื่อนบ้าน

เผยแพร่เมื่อ 26-01-2021 ผู้เช้าชม 2,121

เนินพิศวง

เนินพิศวง

อยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 68 สายตาก-แม่สอด มีลักษณะเป็นทางขึ้นเนินที่แปลก คือเมื่อนำรถไปจอดไว้ตรงทางขึ้นเนินโดยไม่ได้ติดเครื่องรถจะไหลขึ้นเนินไปเอง นอกจากความพิศวงของเนินแห่งนี้แล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามอีกด้วย

เผยแพร่เมื่อ 26-01-2021 ผู้เช้าชม 3,321

วัดไทยวัฒนาราม

วัดไทยวัฒนาราม

วัดไทยวัฒนาราม เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมของพุทธศาสนานิกายมหายาน ได้รับอิทธิพลศิลปะแบบไทยใหญ่ของพม่า จึงมีความงดงาม และวิจิตรบรรจง ในส่วนภายในวัดไทยวัฒนารามนั้นมีวิหาร ศาลา และพระพุทธรูปที่น่าสนใจดังที่ทีมงาน ท่องเที่ยว.com (ท่องเที่ยวดอทคอม) จะพาไปชมกัน

เผยแพร่เมื่อ 17-08-2018 ผู้เช้าชม 3,777

อโรคยาโป่งคำราม

อโรคยาโป่งคำราม

อโรคยาศาลโป่งคำราม หรือ บ่อน้ำแร่โป่ง โป่งคำรามออนเซ็นแห่งแม่กาษา ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดตาก เป็นการแช่ออนเซ็นในถังไม้โอ๊คแบบญี่ปุ่นแบบเก๋ๆ โดยใช้สายธารน้ำร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มาปรับปรุงเสริมแต่งเพื่อความเหมาะสม ใช้เป็นสถานที่บำบัดรักษาโรค และพอกบ่อโคลนเพื่อสุขภาพ จุดเด่นของน้ำแร่โป่งคำราม คือ เป็นน้ำพุร้อนมีอุณหภูมิประมาณ 60 องศาเซลเซียส ปราศจากกรด และกลิ่นกำมะถัน มีแร่ธาตุที่มีประโยชน์ คนที่เคยมาแช่น้ำแร่ร้อนที่นี่จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผ่อนคลายดี 

เผยแพร่เมื่อ 03-08-2022 ผู้เช้าชม 735