โคกกระสุน
เผยแพร่เมื่อ 09-07-2020 ผู้ชม 6,274
[16.4258401, 99.2157273, โคกกระสุน]
โคกกระสุน ชื่อสามัญ Bindii, Bullhead, Burra gokharu, Caltrop, Caltrops, Cat's head, Devil's eyelashes, Devil's thorn, Devil's weed, Goathead, Ground bur-nut, Small caltrops, Puncture vine, Puncturevine, Puncture weed, Tackweed
โคกกระสุน ชื่อวิทยาศาสตร์ Tribulus terrestris L. จัดอยู่ในวงศ์โคกกระสุน (ZYGOPHYLLACEAE)
สมุนไพรโคกกระสุน มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ ว่า หนามกระสุน (ลำปาง), หนามดิน (ตาก), กาบินหนี (บางภาคเรียก), โคกกะสุน (ไทย), ชื่อจี๋ลี่ (จีนกลาง), ไป๋จี๋ลี่ (จีนกลาง) เป็นต้น
ลักษณะของโคกกระสุน
ต้นโคกกระสุน จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกทอดเลื้อยไปตามพื้นดิน ยาวได้ถึง 160 เซนติเมตร เป็นพืชจำพวกหญ้าที่มีอายุได้ประมาณ 1 ปี แตกกิ่งก้านแผ่ออกโดยรอบปกคลุมไปตามพื้นดิน ชูส่วนปลายยอดและดอกตั้งขึ้นมา มีขนตามลำต้น ขยายพันธุ์ได้รวดเร็วโดยใช้เมล็ด ขึ้นได้ดีในดินทรายที่ค่อนข้างแห้ง มีการระบายน้ำดี เจริญงอกงามได้ดีในช่วงฤดูฝน เป็นพรรณไม้ที่ชอบขึ้นตามทางรถไฟ ตามที่รกร้าง ตามสวนผลไม้ ทุ่งหญ้า ท้องนา และริมทางสาธารณะทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคกลางของประเทศ
ใบโคกกระสุน ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกขนาดเล็ก มีใบย่อยประมาณ 4-8 คู่ ก้านใบยาวประมาณ 6-15 มิลลิเมตร ออกตามลำต้นและตามข้อ ออกเรียงแบบสลับตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบมน โคนใบเบี้ยว ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 8-10 มิลลิเมตร หลังใบและท้องใบมีขนนุ่มทั้งสองด้าน มีหูใบเป็นรูปใบหอก
ดอกโคกกระสุน ออกเป็นดอกเดี่ยวหรือออกเป็นช่อสั้นตามซอกใบหรือตามข้อของลำต้น ดอกเป็นสีเหลืองสด มีกลีบรองดอก 5 กลีบ และกลีบดอก 5 กลีบ กลีบดอกมีลักษณะเป็นรูปรี รูปไข่กลับ หรือรูปไข่ปลายหอก มีสีเหลือง ดอกมีเกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านดอกยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร เมื่อดอกบานจะมีขนาดกว้างประมาณ 0.7-2 เซนติเมตร
ผลโคกกระสุน ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลม เปลือกผลแข็งเป็นรูป 5 เหลี่ยม มีหนามแหลมใหญ่ 1 คู่ และมีหนามแหลมเล็ก ๆ ทั่วไป ผลจะแบ่งออกเป็น 5 ช่อง ในแต่ละช่องจะมีเมล็ดอยู่ประมาณ 2-3 เมล็ด ผลพอแห้งจะแตกออกได้
สรรพคุณของโคกกระสุน
1. เมล็ดตากแห้งใช้ทำเป็นยาลูกกลอนกินบำรุงร่างกาย เชื่อว่าจะทำให้รู้สึกเป็นหนุ่มขึ้น มีกำลังวังชา หายเหนื่อยล้า และสำหรับผู้ที่อ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรง โดยใช้โคกกระสุน กำลังวัวเถลิง กำลังเสือโคร่ง และเครือเขาแกบมาต้มกิน (เมล็ด)
2. ทั้งต้นและผลมีรสขมเผ็ด เป็นยารสสุขุม ออกฤทธิ์ต่อปอดและตับ ใช้เป็นยาแก้อาการหน้ามืดวิงเวียนศีรษะ แก้ปวดศีรษะ (ทั้งต้น)
3. ผลใช้เป็นยาลดความดันโลหิตสูง แก้ตาแดง น้ำตาไหลมาก ด้วยการใช้ผลโคกกระสุน 15 กรัม, เก๊กฮวย 20 กรัม, ชุมเห็ดเทศ 30 กรัม และชะเอม 6 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือจะใช้ผลแห้งเพียงอย่างเดียวก็ได้ โดยนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาลดความดันโลหิต (ผล)
4. ทั้งต้นมีรสเค็มขื่นเล็กน้อย ใช้เป็นยาแก้ไข้ทับระดู (ทั้งต้น)
5. ใช้เป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ หลอดลมอักเสบ (ทั้งต้น)
6. ช่วยทำให้ตาสว่าง (ทั้งต้น)
7. ใช้เป็นยารักษาอาการอักเสบในช่องปาก (ทั้งต้น)
8. ใช้เป็นยาแก้ปวดฟัน ด้วยการใช้รากนำมาฝนกับน้ำ แล้วนำมาถูกับฟันที่มีอาการปวด (ราก)
9. เมล็ดใช้เป็นยาแก้ผอมแห้ง (เมล็ด) ทั้งต้นใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้นิ่ว แก้ปัสสาวะพิการ (อาการปัสสาวะปวดหรือกะปริดกะปรอย หรือขุ่นข้น ปัสสาวะเป็นสีเหลืองเข้มหรือ
มีเลือด) ส่วนตำรับยาแก้ปัสสาวะขัดอีกตำรับจะใช้โคกกระสุนทั้งต้นนำมาผสมกับหญ้าแพรกทั้งต้น อ้อยดำทั้งต้น และแห้วหมูทั้งต้น นำมาต้มกับน้ำ 3 ส่วน เอา 1 ส่วน ใช้กิน
ครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 3 เวลา (ทั้งต้น) นอกจากนี้ ผลก็มีสรรพคุณเป็นยาแก้นิ่วได้ด้วยเช่นกัน (ผล)
10. ใช้เป็นยาขับระดูขาวของสตรี (ผลแห้ง, ทั้งต้น)
11. ผลแห้งใช้ต้มกับน้ำดื่ม จะช่วยทำให้คลอดบุตรได้ง่ายขึ้น (ผลแห้ง)
12. ใช้เป็นยารักษาหนองใน (ผลแห้ง, ทั้งต้น)
13. ใช้เป็นยาระงับน้ำกามเคลื่อน (ทั้งต้น)
14. ใช้เป็นยารักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ช่วยกระตุ้นกำหนัด ส่งเสริมระบบสืบพันธุ์ ช่วยบำรุงน้ำอสุจิของเพศชาย ด้วยการใช้เมล็ดแก่นำมาตากให้แห้งแล้วบดให้
เป็นผง ใช้กินครั้งละประมาณ 1 ช้อนชา โดยกินกับน้ำผึ้งวันละ 2 เวลา เช้าและเย็น (เมล็ด)
15. ผลแห้งใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาบำรุงตับ ไต กระดูก และสายตา (ผลแห้ง) หรือจะใช้ทั้งต้นจำนวน 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 3 แก้ว แล้วต้มให้เหลือ 1 แก้ว กรองเอาแต่น้ำยา
มาดื่มครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้าและเย็นก็ได้เป็นยาบำรุงไต (ทั้งต้น)
16. ใช้เป็นยากระจายลมในตับ กล่อมตับ (ทั้งต้น)
17. ใช้เป็นยารักษาโรคไตพิการ หรือโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ และมักจะมีอาการท้องอืด กินอาหารไม่ได้ (ทั้งต้น)
18. ผลใช้เป็นยาฝาดสมาน (ผล)
19. ใช้เป็นยาขับลมในใต้ผิวหนัง แก้คันตามตัว แก้ผดผื่นคัน และลมพิษ (ทั้งต้น)
20. ตำรับยาแก้ผดผื่นคัน ระบุให้ใช้ต้นแห้ง 100-120 กรัม, เมล็ดปอ 60 กรัม, ดอกสายน้ำผึ้ง 40 กรัม และคราบจักจั่น 30 กรัม นำมาบดให้เป็นผงทำเป็นยาลูกกลอนรับประทาน
(ต้น)
21. ใช้เป็นยาแก้อาการปวดเมื่อย อ่อนเพลียเรื้อรัง ด้วยการใช้โคกกระสุนทั้งต้น 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 3 แก้ว จนเหลือ 1 แก้ว แล้วกรองเอาแต่น้ำยามาดื่มครั้งละครึ่งแก้ว
วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้าและเย็น (ทั้งต้น)
22. ผลแห้งใช้ต้มกับน้ำเป็นยาช่วยป้องกันอาการชักบางประเภทได้ (ผลแห้ง)
23. นอกจากนี้โคกกระสุนยังจัดอยู่ในตำรับยาแก้กษัยอีกด้วย (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
ขนาดและวิธีใช้ :
การใช้ตาม [4] ยาแห้งให้ใช้ครั้งละประมาณ 6-10 กรัม นำมาต้มรับประทาน หรือใช้ร่วมกับตัวยาอื่น ๆ ในตำรับยา หรือใช้ทำเป็นยาเม็ดหรือยาผงรับประทานก็ได้ ส่วนต้นสดให้ใช้ประมาณ 10-20 กรัม แต่หากนำมาใช้ภายนอกให้ใช้ต้นสดตำพอกบริเวณที่เป็น
ข้อควรระวัง :
ผู้ที่มีเลือดน้อย เป็นโลหิตจาง มีพลังหย่อน สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร ห้ามรับประทานสมุนไพรชนิดนี้ และควรระวังในการใช้กับผู้ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ เนื่องจากสารสกัดได้มีโพแทสเซียมสูง ทำให้หัวใจเต้นเร็วและอาจทำให้หัวใจวายได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของโคกกระสุน
1. สารที่พบ ได้แก่ สารจำพวก Flavonoid glycoside, Kaempferitrin, Kaempferide, Kaempferol-3-glucoside, Tribuloside, Potassium เมล็ดพบสาร Harman,
Harmine ใบและรากพบ Alkaloid, Diosgenin, Gitogenin, Chlorogenin Harmol เป็นต้น
2. ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่พบ ได้แก่ ฤทธิ์ลดความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด ขับปัสสาวะ ละลายก้อนนิ่วในไต ลดการอักเสบ ต้านเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย
3. เมื่อใช้สารจากโคกกระสุนที่สกัดได้ด้วยแอลกอฮอล์ นำมาทดลองในสัตว์พบว่า สามารถลดความดันโลหิตของสัตว์ทดลองได้เล็กน้อย
4. สารที่สกัดได้จากโคกกระสุนด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำยาที่ต้มได้จากโคกกระสุน มีฤทธิ์เป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ และยับยั้งอาการหืดหอบได้ โดยเฉพาะกับการรักษาอาการไอ
จะมีประสิทธิภาพการรักษาดีมาก
5. ยาชงจากทั้งต้นมีฤทธิ์เพิ่มปริมาณของปัสสาวะ ในคนที่มีสุขภาพปกติจะพบว่ามีฤทธิ์ขับปัสสาวะและทำให้สูญเสียเกลือแร่น้อยกว่ายาขับปัสสาวะไฮโดรคลอโรไทอาไซด์
6. จากการทดสอบความเป็นพิษ ด้วยการฉีดสารสกัดจากต้นด้วย 95% เอทานอล เข้าช่องท้องของหนูขาว แล้วทำให้สัตว์ทดลองตายครึ่ง คือ 56.42 กรัมต่อกิโลกรัม
7. เมื่อปี ค.ศ.2006 ประเทศจีน ได้ทดลองในกระต่ายจำนวน 50 ตัว โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม โดยให้อาหารแก่กระต่ายเพื่อให้กระต่ายอ้วนนาน 4 สัปดาห์ และกระต่ายกลุ่มที่ 1
เป็นกลุ่มควบคุม กลุ่มที่ 2 ให้สารสกัดโคกกระสุนในขนาดต่ำ และกลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่ให้สารสกัดโคกกระสุนในขนาดสูง ภายหลังการทดลอง 2 สัปดาห์ ตรวจระดับ
คอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ในกระต่าย พบว่ากระต่ายกลุ่มที่ 2 และ 3 มีระดับไขมันในเลือดลดลง P < 0.05
ประโยชน์ของโคกกระสุน
1. โคกกระสุนในวงการกีฬา สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างมวลกล้ามเนื้อและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับนักกีฬาได้ อีกทั้งยังช่วยผ่อนคลายความเครียด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ
ร่างกายในการสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง เพิ่มสมรรถภาพของนักกีฬา ทำให้นักกีฬามีศักยภาพของร่างกายที่พร้อมสำหรับการแข่งขันกีฬามากขึ้น
2. ช่วยเสริมสร้างฮอร์โมนเจริญพันธุ์ทั้งเพศชายและเพศหญิง ช่วยให้รอบการตกไข่ของผู้หญิงเป็นปกติ ซึ่งนำไปสู่การช่วยทำให้มีบุตรได้ง่ายขึ้น ช่วยลดอาการก่อนและ
ระหว่างมีประจำเดือนของผู้หญิง ช่วยให้อาการวัยทองในผู้หญิงลดลง ช่วยลดอาการซึมเศร้า วิตกกังวล และนอนไม่หลับให้ลดน้อยลงได้ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มระดับ
ฮอร์โมนเพศชาย ช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศทั้งชายและหญิง จากการศึกษาวิจัย โดยให้อาสาสมัครชายทดลองใช้โคกกระสุน 750 มิลลิกรัมติดต่อกัน 5 วัน ผลการ
ทดลองพบว่า ระดับเทสโทสเตอโรนของทุกคนเพิ่มสูงขึ้น และผลการทดลองยังพบว่าโคกกระสุนมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบสืบพันธุ์ ทำให้อสุจิเคลื่อนตัวได้ดีขึ้น
และช่วยเพิ่มจำนวนสารคัดหลั่งและกระตุ้นความตื่นตัวทางเพศ
คำสำคัญ : โคกกระสุน
ที่มา : https://medthai.com/
รวบรวมและจัดทำข้อมูล : กาญจนา จันทร์สิงห์
สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มาหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร. (2563). โคกกระสุน. สืบค้น 1 ธันวาคม 2566, จาก https://arit.kpru.ac.th/ap2/local/?nu=pages&page_id=1676&code_db=610010&code_type=01
Google search
ฟักเขียว จัดเป็นพืชล้มลุกจำพวกไม้เถาเช่นเดียวกับบวบ มะระ หรือแตงชนิดอื่น ๆ มีถิ่นกำเนิดไม่แน่นอนระหว่างทวีปเอเชีย แอฟริกา และอเมริกา เพาะปลูกกันมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออก และเอเชียใต้ ลักษณะของผลจะเป็นรูปทรงกระบอกปลายมน มีสีเขียวแก่จะเรียกว่า "ฟัก" ถ้าเป็นพันธุ์เล็กผิวมีสีเขียวอ่อน ๆ เราจะเรียกว่า "แฟง" หรือ "ฟักแฟง" (ภาพซ้าย) แต่ถ้าเป็นพันธุ์ที่ลักษณะของผลค่อนข้างกลมสีเขียวแก่ ๆ จะเรียกว่า "ฟักหอม" (ภาพขวา) หรือถ้าเป็นพันธุ์ที่รสขมเราจะเรียกว่า "ฟักขม" เป็นต้น
เผยแพร่เมื่อ 17-07-2020 ผู้เช้าชม 7,121
ผักตบไทย มีถิ่นกำเนิดในแถบเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดเป็นไม้ล้มลุกมีอายุได้หลายปี อาศัยอยู่ในน้ำ มีเหง้าใหญ่ แตกลำต้นเป็นกอ มีความสูงได้ประมาณ 50-100 เซนติเมตร ลำต้นอยู่ใต้ดิน ชูก้านใบเหนือระดับน้ำ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดหรือแยกต้นอ่อนไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ มีเขตการกระจายพันธุ์กว้าง พบได้ตั้งแต่อินเดีย เนปาล ศรีลังกา พม่า ภูมิภาคอินโดจีน และภูมิภาคมาเลเซีย ในประเทศไทยพบได้ทุกภาคของประเทศ โดยมักขึ้นตามแหล่งน้ำจืด ริมหนองน้ำ คลองบึง ที่ชื้นแฉะ โคลนตม และตามท้องนาทั่วไป
เผยแพร่เมื่อ 10-07-2020 ผู้เช้าชม 4,230
ผักเสี้ยนผี จัดเป็นไม้ล้มลุก มีความสูงได้ประมาณ 1 เมตร ที่ส่วนต่าง ๆ ของต้นจะมีต่อมขนเหนียวสีเหลืองปกคลุมอยู่หนาแน่น มีกลิ่นเหม็นเขียว มีเขตกระจายพันธุ์กว้างขวาง พบได้ทั่วไปในทวีปเอเชีย แอฟริกา และออสเตรเลีย สำหรับในประเทศไทยมักจะพบขึ้นได้ตามข้างถนนหรือที่รกร้าง ตามริมน้ำลำธาร บางครั้งก็อาจพบได้บนเขาหินปูนที่แห้งแล้งหรือตามชายป่าทั่วๆ ไป
เผยแพร่เมื่อ 13-07-2020 ผู้เช้าชม 13,813
ต้นนนทรี เป็นต้นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในอินเดียภาคตะวันออกและภาคใต้ รวมไปถึงประเทศศรีลังกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งประเทศไทยไปจนถึงประเทศฟิลิปปินส์ และทวีปออสเตรเลียตอนเหนือ โดยจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นค่อนข้างเปลาตรง มีความสูงของต้นประมาณ 8-15 เมตร ลำต้นแตกกิ่งก้านเป็นพุ่มทรงเรือนยอดแผ่กว้างเป็นรูปร่มหรือเป็นทรงกลมกลาย ๆ เปลือกลำต้นเป็นสีเทาอมสีดำ เปลือกค่อนข้างเรียบ และอาจแตกเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ ตามกิ่งก้านอ่อนมีขนละเอียดสีน้ำตาลแดงปกคลุมอยู่ ส่วนกิ่งแก่เกลี้ยง ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ขึ้นได้ในดินทั่วไป ชอบความชื้นปานกลางและแสงแดดเต็มวัน เป็นต้นไม้ที่มักผลัดใบเมื่อมีอากาศแห้งแล้ง ชอบขึ้นตามป่าชายหาด
เผยแพร่เมื่อ 02-06-2020 ผู้เช้าชม 4,901
ต้นกะทกรกจัดเป็นไม้เถาเลื้อย มีอายุประมาณ 2-5 ปี มีมือสำหรับใช้ยึดเกาะ และมีขนขึ้นปกคลุมอยู่ทุกส่วน และทุกส่วนของลำต้นเมื่อนำมาขยี้จะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเขียว ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด และเจริญเติบโตได้ดีในที่ราบ มีใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปหัว ปลายใบแหลม โคนใบเว้า ส่วนขอบใบเว้าเป็น 3 แฉก แผ่นใบมีขนสีน้ำตาลขนาดเล็กขึ้นทั้งสองด้าน และที่ขนมีน้ำยางเหนียว
เผยแพร่เมื่อ 13-05-2020 ผู้เช้าชม 11,361
ปีบ (Cork Tree, Indian Cork) เป็นพืชสมุนไพรจำพวกต้น ที่มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นต่างๆ เช่น ภาคเหนือเรียก กาดสะลอง, กาซะลอง, ก้องกลางดง เป็นต้น โดยเป็นพรรณไม้ที่มีดอกและใบสวย พร้อมกลิ่นที่หอมชื่นใจ มักนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับตามบ้านเรือนหรือตามข้างทางเพื่อให้ร่มเงา และดอกปีบนั้นยังถือเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดของปราจีนบุรีอีกด้วย และด้วยความที่เป็นต้นไม้ที่ให้ความร่มรื่นแก่ผู้คนจึงได้มีการนำมาเป็นสัญลักษณ์ของการพยาบาลไทย ตลอดจนนำมาทำเป็นเครื่องเรือนสำหรับตกแต่งบ้านเพื่อความสวยงาม พบมากตามป่าดิบแล้ง หรือป่าเบญจพรรณ โดยเฉพาะทางภาคเหนือ, ภาคตะวันตก และตะวันออกเฉียงเหนือของไทยเรา
เผยแพร่เมื่อ 25-02-2017 ผู้เช้าชม 1,545
สะแกนา จัดเป็นไม้ยืนต้นที่มีความสูงของต้นประมาณ 5-10 เมตร เปลือกต้นเรียบเป็นสีเทานวล ตามกิ่งอ่อนเป็นสันสี่มุม ส่วนต่างๆ ของลำต้นมีขนเป็นเกล็ดกลม ๆ ต้นสะแกนาที่มีอายุมากบริเวณโคนต้นจะพบหนามแหลมยาวและแข็ง หรือเป็นกิ่งที่แปรสภาพไปเป็นหนามสั้นตามโคนต้น เนื้อใบหนาเป็นมัน ใบมีสีเขียวสด ผิวใบทั้งสองด้านมีเกล็ดสีเงินอยู่หนาแน่น ผิวใบด้านบนสากมือ ก้านใบสั้น ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด เป็นไม้กลางแจ้ง ที่ขึ้นได้ในทุกชนิด แต่เจริญเติบโตได้ดีในดินเหนียว ชุ่มชื้น และควรปลูกในช่วงฤดูฝน
เผยแพร่เมื่อ 17-07-2020 ผู้เช้าชม 5,800
ถั่วแปบ (Hyacinth Bean, Bonavista Bean, Lablab) เป็นพืชสมุนไพรจำพวกเถา ที่มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นต่างๆ เช่น ภาคเหนือเรียก ถั่วมะเปกี, มะแปบ, ถั่วแล้ง หรือถั่วหนัง เป็นต้น โดยเป็นพืชสมุนไพรที่มีสายพันธุ์มากมายหลากหลาย จะเรียกว่ามากกว่าบรรดาพืชสมุนไพรชนิดอื่นๆ เลยก็ว่าได้ ซึ่งเป็นพืชตระกูลถั่ว มีแหล่งกำเนิดในแถบร้อนของทวีปเอเชีย รวมทั้งในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของไทยเราด้วย สำหรับถั่วแปบนี้มักนิยมนำมาทำเป็นขนมหวานของไทย โดยผสมกับแป้งเคี้ยวเหนียวนุ่มรับประทานอร่อย
เผยแพร่เมื่อ 08-05-2020 ผู้เช้าชม 7,333
ต้นกระทุงหมาบ้า จัดเป็นพรรณไม้เลื้อยเนื้อแข็ง ยาวได้ถึง 10 เมตร เถาจะพาดพันตามต้นไม้ใหญ่ ลำต้นมีลักษณะเป็นเถากลม เปลือกเถาอ่อนเป็นสีเขียว ส่วนเถาแก่เป็นสีน้ำตาลถึงสีน้ำตาลอ่อน ตามผิวกิ่งตะปุ่มตะป่ำและมีช่องอากาศ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำ เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน ระบายน้ำดี ชอบที่ชื้น ทนแล้งได้ดี มีเขตการกระจายพันธุ์ในอินเดียจนถึงจีนตอนใต้ ไต้หวัน ภูมิภาคอินโดจีน มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ในประเทศไทยพบขึ้นตามบริเวณป่าดิบ ป่าราบ หรือบริเวณชายป่าทั่วทุกภาคของประเทศ
เผยแพร่เมื่อ 01-06-2020 ผู้เช้าชม 1,860
มะเกลือ ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 8-15 เมตร อาจสูงได้ถึง 30 เมตร ผลัดใบหรือไม่ผลัดใบ เปลือกสีดำ แตกเป็นสะเก็ดเล็กๆ ตามยาว แก่นสีดำสนิท เนื้อละเอียดมันสวยงาม ทุกส่วนของมะเกลือเมื่อแห้งจะเปลี่ยนเป็นสีดำ ใบอ่อนและกิ่งอ่อนมีขนนุ่มทั้งสองด้าน ใบเดี่ยว เรียงสลับ แผ่นใบรูปไข่ หรือรูปไข่แกมรูปขอบขนาน กว้าง 1.5-4 เซนติเมตร ยาว 4-8 เซนติเมตร ปลายแหลม โคนสอบมน ขอบใบเรียบ ก้านใบยาว 5-10 เซนติเมตร ใบอ่อนมีขนสีเงิน ใบแก่หนา ผิวเรียบมัน ด้านใต้ใบสีเขียวซีด บางเกลี้ยง
เผยแพร่เมื่อ 25-02-2017 ผู้เช้าชม 2,736