วรรณกรรมเบ็ดเตล็ดของชาวบ้านไตรตรึงษ์
เผยแพร่เมื่อ 03-03-2020 ผู้ชม 4,168
[16.3194159, 99.4823679, วรรณกรรมเบ็ดเตล็ดของชาวบ้านไตรตรึงษ์]
วรรณกรรมเบ็ดเตล็ด หมายถึง วรรณกรรมขนาดสั้น เช่น คำเรียกขวัญ คำหยอกสาว ใน ภาคเหนือ ตำรา เช่น ตำราดูลักษณะสตรีของภาคใต้ ผญาของภาคอีสาน เป็นต้น ชาวบ้านไตรตรึงษ์ได้ถ่ายทอดวรรณกรรมขนาดสั้นที่แสดงถึงแนวคิด วิถีชีวิต และความเชื่อ ดังนี้
1. คำเรียกขวัญ ใช้เรียกขวัญเด็ก หรือผู้ที่เกิดการตระหนกตกใจ ให้ขวัญมาอยู่กับเนื้อกับตัวหายตกใจ เรียกขวัญโดยผู้ใหญ่ที่ได้รับการยอมรับนับถือ ก่อนที่จะผูกข้อมือด้วยด้ายสายสิญจน์ คำเรียกขวัญ มีดังนี้
“ศรีวันนี้ก็วันลาภวันดี ศรีวันพระยาวัน ฉันจะเรียกมิ่งขวัญ ขวัญมาเกิดมาแม่มา ขวัญอย่าไป เป็นตะเข็บอยู่ใต้ขอน ขวัญอย่าไปเป็นแมงชอนอยู่ใต้ไม้ ขวัญอย่าไปอยู่ในน้ำเป็นเพื่อนปลา ขวัญแม่อย่าไปอยู่ในนาเป็นเพื่อนข้าว ขวัญแม่อย่าไปเอาพุ่มไม้ต่างเรือน ขวัญแม่อย่าไปเอาแสงเดือนต่างไต๎ ขวัญแม่อย่าไปเอาเรไรต่างมโหรีมาเถิดมาแม่มา ขวัญเอยขวัญแม่อย่าไปเที่ยวชมเขาลำเนาไพร ให้แม่กลับมา ขวัญแม่อย่าไปอยู่ที่เชิงตะกอน ขวัญแม่อย่าไปนอนอยู่ป่าช้า มาเถิดแม่มา ให้มาชมผ่าผืนเล็กให้แม่กลับมาชมแพรผืนกว้าง ขวัญมาทางบกให้แม่มาด้วยช้าง ขวัญมาทางแม่น้ำกว้างให้มาด้วยสำเภาเงินแลสำเภาทอง ให้แม่กลับมาเอาดอกไม้แซม ให้แม่เอาดอกบัวแซมเกล้า แม่จะเรียกขวัญเจ้ากลับมาเอย ขวัญเอยมาเถิดมาแม่มา”
2. คำบอกเล่า
2.1 เกี่ยวกับผีสางเทวดา เครื่องรางของขลัง เช่น
- เรื่องแม่โพสพ เชื่อว่าข้าวมีเทพธิดาประจำอยู่ชื่อแม่โพสพ ดังนั้นเพื่อให้ข้าวเจริญงอกงามได้ผลดีเวลาข้าวตั้งท้องจะออกรวง จึงมีพิธีส่งท้องข้าว สิ่งที่ต้องนำไปด้วยคือของที่ได้จากการเทศน์มหาชาติ เช่น กล้วย อ้อย ไปให้แม่โพสพเสวย แล้วบอกว่า “ฉันได้นำของป่าหิมพานต์มาให้แม่แล้ว แม่จงเลือกเสวยตามใจเถิด แม่โพสพก็จะพอใจให้ผลิตผลอย่างมากมาย เมื่อขนข้าวเข้ายุ้งแล้วก็จะมีพิธีรับขวัญข้าว ก็คือไปรับแม่โพสพกลับมารักษาข้าวในยุ้งนั่นเอง การไปรับขวัญข้าวนี้ให้ใช้เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น เพราะเคยมีประวัติว่าให้ผู้ชายไปรับแล้วพบแม่โพสพเป็นผู้หญิงสวยก็เลยปล้ำ แม่โพสพจึงโกรธมาก ถ้าผู้ชายไปรับจะไม่มา
- เด็กที่เกิดใหม่ ให้ใช้หนังหมีวนรอบบ้านแล้วแขวนที่เปลเพื่อไม่ให้ผีรบกวน
- ผู้ชายที่ยึดถือเครื่องรางของขลังที่ทำให้อยู่ยงคงกระพัน ห้ามรับประทาน ฟักทอง ฟักเขียว ตำลึง น้ำเต้า กล้วยบวชชี มะเฟือง เพราะของเหล่านี้มีลักษณะรูปร่าง หรือชื่อไปพ้องกับอวัยวะเพศ
2.2 เกี่ยวกับโชคลาง
- แร้งจับบ้านไม่ดี ให้คิดและพูดว่า พญาหงส์ทองจับบ้าน จะนำโชคลาภมาให้เงินทองจะไหลมาเทมา
- เหี้ยเข้าบ้านมิดี ให้พูดว่า “ตัวเงินตัวทองนำเงินนำทองมาให้” จะร่ำรวยเป็นเศรษฐี ถ้าพูดว่าเหี้ยจะประสบความฉิบหาย
- ถ้าผึ้งมาทำรังในบ้าน ให้จัดการทำบุญสมโภชต้อนรับ จะทำให้ทำมาค้าขึ้น
- ถ้าจอมปลวกขึ้นใต้ถุนบ้านที่ปลูกก่อนแล้วท่านว่าดี แต่ถ้าปลูกบ้านคร่อมจอมปลวกจะเดือดร้อน
- ก่อนลงเรือนไปไหน ถ้ามีจิ้งจกร้องทักท่านว่าอย่าไป
- ถ้าเข้าป่าได้ยินเสียงคล้ายคนเดินตาม แต่ไม่มีอะไร ถ้าได้ยินสองครั้งให้หันกลับบ้าน มิฉะนั้นจะเกิดเหตุร้ายกับครอบครัวหรือญาติพี่น้อง
- ถ้าจิ้งจกร่วงใส่ศีรษะท่านว่าจะมีโชค ถ้าจิ้งจกร่วงลงมาตายต่อหน้าจะมีเคราะห์
- แมวห้าหมาหกท่านห้ามเลี้ยง
- อย่าเลี้ยงควายตัวเดียว
- หมูที่มีนิ้วเท้าครบห้านิ้ว ห้ามเลี้ยงไว้ ให้นำไปปล่อยที่วัด
- ถ้านกแสกบินผ่านบ้านแล้วร้อง หรือบินชนบ้านญาติพี่น้องบุคคลในบ้านนั้นจะล้มตาย
- ถ้าแมวดำข้ามศพผีจะดุ
- การปล่อยสัตว์ เช่น นก ปลา เป็นการสะเดาะเคราะห์ และต่ออายุให้กับผู้ปล่อย
- ถ้าเห็นดาวหางจะเกิดยุคเข็ญ ข้าวยากหมากแพง หรืออาจจะต้องสูญเสียบุคคลสำคัญ
- ถ้าเห็นดาวตกห้ามทักเพราะเทวดาจะมาจุติ ถ้าทักแล้วเทวดาองค์นั้นเข้าไปเกิดในท้องหมูท้องหมา
- ถ้าเกิดจันทรุปราคาหรือสุริยุปราคา ให้เคาะต้นไม้แล้วพูดว่า ดก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ต้นไม้นั้นจะมีผลดก และให้เอามะกล่ำตาหนูมาอมไว้จะได้ไม้เป็นตาแดง ถ้าจะให้จันทรุปราคา และสุริยุปราคาหายเร็ว ๆ ให้ช่วยกันตีเกราะ เคาะไม้ ยิงปืน ตีกลอง
- ปลูกต้นขนุนไว๎ในบ้านจะช่วยอุดหนุนให้เจริญ
- ปลูกต้นมะยมไว้หน้าบ้านจะมีคนเมตตารักใคร่
- ต้นฉําฉาห้ามปลูกไว๎ในบ้าน จะทำให้เป็นบ้านร้าง มีแต่ความอิจฉาริษยากัน
- ต้นลั่นทมถ้าปลูกไว๎ในบ้านจะทำให้เจ้าของบ้านมีแต่ความระทมตรมใจ
- ต้นมะขวิด มะตูม ห้ามปลูกไว๎ในบ้านจะเกิดการทะเลาะวิวาท
- ต้นโป๊ยเซียนถ้าออกดอกมากกว่าแปดดอกจะทำมาค้าขึ้น
2.3 เกี่ยวกับข้อปฏิบัติทั่วไป
- อย่านั่งคาบันไดหรือตรงประตู จะโดนของที่เขาปล่อยตามลมตามแล้งมา
- อย่าถ่มน้ำลายรดฟ้า
- อย่าขี่หมา ฟ้าจะผ่า
- อย่าผิวปากกลางคืน ผีจะหลอก
- อย่ากล่อมเด็กกลางคืน เหมือนผีกล่อมลูก
- อย่าเหยียบธรณีประตู เพราะเป็นที่อยู่ของเทพารักษ์
- เด็กที่เกิดใหม่ต้องขายไม่เช่นนั้นจะเลี้ยงยาก วิธีขายก็คือให้เอาเด็กใส่กระด้ง แล้วโยนกระด้งเบา ๆ ผู้ที่ซื้อก็จะรักเอาไป แล้วให้เงินแม่จริงเล็กน้อย
- การเผาศพไม่นิยมเผาวันคู่ เพราะกลัวจะตายคู่
- การแต่งงานนิยมแต่งเดือน 4 6 9
3. คำทำนาย
- หญิงมีครรภ์ ถ้ามีใบหน้าปล่งปลั่งสวยงามลูกในท้องจะเป็นผู้หญิง ถ้ารูปท้องงอน แม่ไม่ชอบแต่งตัวลูกจะเป็นผู้ชาย
- เขม่นตาขวาร้าย ตาซ้ายดี
- หญิงชายใดมีไฝที่ของลับ ถ้าผู้ใดได้เป็นคู่ครองอายุจะสั้น
- หญิงชายใดมีไฝที่ร่องน้ำตา ผู้นั้นจะมีแต่ความทุกข์ระทมใจ
- หญิงใดมีสีจักร (ขวัญที่ไรผมด้านหน้า) ยักหล่ม (รอยบุมสองข่างสะบัก) ถ่มร้าย (รอยบุมตรงก้น) นับเป็นหญิงกาลกิณี
- ฝันว่าฟันหัก ญาติจะเสียชีวิต
- ฝันว่าเห็นพระ มีพระขึ้นบ้าน จะอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
- ฝันเห็นพระเจ้าแผ่นดิน จะมีโชคดีอย่างยิ่ง
- ฝันเห็นงู จะได้พบเนื้อคูํ
- ฝันว่าได้แหวนจะได้ลูกชาย ฝันว่าได้เงินจะได้ลูกสาว
- ฝันเห็นชายชราชวนไปเที่ยว คนนั้นจะเสียชีวิต
คำสำคัญ : วรรณกรรม
ที่มา : เมืองไตรตรึงษ์ ตามร่องรอยแห่งตำนานและประวัติศาสตร์. (ม.ป.ป). กำแพงเพชร: ม.ป.ท.
รวบรวมและจัดทำข้อมูล : กาญจนา จันทร์สิงห์
สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มาหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร. (2563). วรรณกรรมเบ็ดเตล็ดของชาวบ้านไตรตรึงษ์. สืบค้น 4 ธันวาคม 2566, จาก https://arit.kpru.ac.th/ap/local/?nu=pages&page_id=1336&code_db=610006&code_type=01
Google search
เดิมทีงูเหลือมเป็นสัตว์เพียงชนิดเดียวที่มีพิษมาก อาศัยอยูํใกล้กอไผ่ วางไข่เป็นจำนวนมาก และก็หวงไข่ของตนเองเป็นที่สุด ใครเดินผำนจะต้องฉกตายทุกคน มีชายคนหนึ่งคิดจะลองดีกับงูเหลือม จึงเอากระทะครอบหัวเป็นหมวก แล้วเดินผำนบริเวณที่งูเหลือมอาศัยอยูํ งูเหลือมเห็นคนเดิ่นผ่านมาก็ ฉกอย่างแรงไปโดนกระทะ ชายคนนั้นก็วิ่งหนีไป งูเหลือมเคยกัดคนตาย เห็นตาคนนี้ไมํตายก็เลยนึกวำตนเองไมํมีพิษสงอีกตํอไปโมโหตัวเองคายพิษออกมากองไว้สัตว์เลื้อยคลานตำงๆ ได้ขำววำงูเหลือม คายพิษทิ้ง ก็อยากจะมีพิษกับเขาบ้างรีบเดินทางมาเอาพิษกันแนํนขนัด ใครมาเร็วก็ได้ไปมาก อย่างเช่น งูเห่าไฟเอาตัวคลุกพิษจนแดงไปทั้งตัว งูจงอาง งูแมวเซา งูที่ปัจจุบันมีพิษทั้งหลายมาเร็วก็ได้ไปมาก เจ๎าแมงป่องมาช้าเบียดเข๎าไปไม่ถึง หันหลังเข้าไป ได้แคํหางจุ่มก็เลยมีพิษที่หาง สํวนเจ้ามดตะนอยอยากได้กะเขาบ้าง เบียดเข้าไปเลยถูกหนีบจนเอวคอด เหตุการณ์ครั้งนี้เลยทำให้สัตว์ตำงๆ มีพิษ และงูเหลือมไม่มีพิษ ตั้งแตํนั้นมา
เผยแพร่เมื่อ 03-09-2019 ผู้เช้าชม 5,437
เรียมเอง เป็นนามแฝงของมาลัย ชูพินิจ (2449-2506) ซึ่งนอกจากจะเป็นนักหนังสือพิมพ์ผู้มีชื่อเสียงแล้ว ยังเป็นนักเขียนเรื่องหลายประเภท ที่รู้จักกันดีในวงการนักอ่าน ไม่ว่าจะใช้นามจริงหรือนามแฝง เช่น ม. ชูพินิจ, เรียมเอง, น้อย อินทนนท์, แม่อนงค์ ทุ่งมหาราช เป็นนวนิยายเสมือนบันทึกเหตุการณ์ของผู้เขียนสมัยเมื่อครั้งใช้ชีวิตอยู่กับบิดา มารดาที่คลองสวนหมาก จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งในยุคนั้นผู้คนต้องผ่านพบความยากลำบากนานับประการ ตั้งแต่ความอดอยากยากแค้น โรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะไข้ทรพิษ และน้ำท่วม หนังสือเล่มนี้สะท้อนภาพของเรื่องราวดังกล่าว โดยผ่านตัวละครที่มีเลือดเนื้อและวิญญาณ เช่น รุ่ง หรือขุนนิคมบริบาล ซึ่งคาเรือนและบ้านไร่ ก็เพิ่งมีชาวเวียงจันทน์อพยพมาอยู่ไม่กี่ครอบครัว ความคิดของรุ่งสะท้อนความรู้สึกส่วนใหญ่ของชาวบ้านต่อการทำมาหากินด้วยความเป็นอิสระของตนเอง
เผยแพร่เมื่อ 10-03-2020 ผู้เช้าชม 3,279
มีชายคนหนึ่งเป็นคนขี้ลืมจริงๆ เรื่องอะไรจำได้ประเดี๋ยวเดียวก็ลืม วันหนึ่งชายคนนี้ถือมีดเดินเข้าไปในป่าจะไปตัดต้นไม้ เดินไปซักพักก็เกิดปวดท้องขี้ขึ้นมา หาที่เหมาะๆ ได้แล้ว ก็เอามีดฟันติดไว้กับต้นไม้ แล้วก็นั่งขี้ พอลุกขึ้น เห็นมีดเล่มหนึ่งอยู่ที่ต้นไม้ ลืมไปว่าเป็นมีดของตัวเอง ดีใจมาก หยิบมีดมาแล้วพูดว่า “วันนี้โชคดีแต่เช้าเลย เจอมีดของใครก็ไม่รู้” พอจะเดินกลับ ก็เหยียบขี้ของตัวเองอีก โมโหมาก ตะโกนด่าว่า “อ้ายคนไหนมาขี้ไว้ ป่าตั้งกว้างใหญ่ไม่อายใครเลย” จากนั้นก็เดินกลับบ้านพร้อมมีดของตัวเอง
เผยแพร่เมื่อ 27-03-2020 ผู้เช้าชม 1,330
ริมฝั่งลำน้ำปิง มีเมืองโบราณคือเมืองคณฑี หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่าบ้านโคน เป็นชุมชนโบราณที่ไม่มีคูน้ำและคันดินล้อมรอบ ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของลำน้ำปิง พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำรงพระยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธสยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จทอดพระเนตรชุมชนโบราณแห่งนี้ เมื่อปีพุทธศักราช 2450 ทรงกล่าวถึงชุมชนบ้านโคนว่า คงเป็นเมืองมาแต่โบราณ แต่หาคูหรือเทินและกำแพงไม่ได้ วัดเก่าที่ตั้งอยู่บริเวณนี้ชื่อวัดกาทิ้ง
เผยแพร่เมื่อ 10-03-2020 ผู้เช้าชม 1,309
“ศรีวันนี้ก็วันลาภวันดี ศรีวันพระยาวัน ฉันจะเรียกมิ่งขวัญ ขวัญมาเกิดมาแม่มา ขวัญอย่าไปเป็นตะเข็บอยู่ใต้ขอน ขวัญอย่าไปเป็นแมงชอนอยู่ใต้ไม้ ขวัญอย่าไปอยู่ในน้ำเป็นเพื่อนปลา ขวัญแม่อย่าไปอยู่ในนาเป็นเพื่อนข้าว ขวัญแม่อย่าไปเอาพุ่มไม้ต่างเรือน ขวัญแม่อย่าไปเอาแสงเดือนต่างไต้ ขวัญแม่อย่าไปเอาเรไรต่างมโหรี มาเถิดมาแม่มาขวัญเอยขวัญแม่อย่าไปเที่ยวชมเขาลำเนาไพร ให้แม่กลับมา ขวัญแม่อย่าไปอยู่ที่เชิงตะกอน ขวัญแม่อย่าไปนอนอยู่ป่าช้า มาเถิดแม่มา
เผยแพร่เมื่อ 03-03-2020 ผู้เช้าชม 4,168
วัดพระบรมธาตุเจดียารามเป็นวัดเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยเมื่อ 600 กว่าปีที่แล้ว ก็ยุคสุโขทัย ดินดอนบริเวณนี้ มีชื่อว่า "นครชุม" และวัดแห่งนี้ก็เป็นพระอารามหลวงประจำเมืองนครชุม มาแต่สมัยนั้น ตามข้อมูลประวัติศาสตร์ที่ค้นพบจากหลักศิลาจารึก หลักที่ 3 (จารึกนครชุม) ได้บันทึกไว้ว่า พระยาลิไท แห่งราชวงษ์สุโขทัย โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระบรมธาตุเจดีย์ เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และปลูกพระศรีมหาโพธิ์จากลังกา ณ วัดพระบรมธาตุเจดียาราม เมื่อปี พ.ศ. 1900 ภายในวัดมีเจดีย์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า "พระบรมธาตุเจดีย์" เป็นเจดีย์เก่าแก่ ตั้งแต่สมัยสุโขทัยเช่นกันกับตัววัด พระเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ (ดอกบัวตูม) ตั้งเรียงกันสามองค์ อยู่บนฐานเดียวกัน โดยองค์กลางของพระเจดีย์นั้นประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ 9 องค์ อยู่ภายในภาชนะเงินรูปสำเภา พระเจดีย์องค์ปัจจุบันเป็นพระเจดีย์ทรงมอญซึ่งได้รับการบูรณะ ขึ้นภายหลัง สิ่งสำคัญอีกอย่างในวัดคือ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งชาวกำแพงเพชรเชื่อกันว่า เป็นต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระยาลิไททรงปลูกเมื่อ พ.ศ.1900 เป็นต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ ประมาณ 9 คนโอบ
เผยแพร่เมื่อ 13-03-2018 ผู้เช้าชม 3,586
ในอดีตบรรพบุรุษของชุมชน มีภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการบริหารจัดการน้ำ จึงได้คิดค้นวิธีการนำน้ำจากสายน้ำต่างๆเข้ามาสู่ชุมชน ชื่อ “ท่อทองแดง” หรือ “ท่อปู่พระยาร่วง” ถูกสร้างขึ้นโดยพระราชดำริของพระร่วงเจ้า ตั้งแต่สมัยสุโขทัย แต่พอมาถึงสมัยอยุธยา ก็ถูกทอดทิ้งไม่ได้ใช้งาน และถมหายไปจนหมด ผู้อาวุโสของชุมชนเล่าว่า เรื่องท่อทองแดง นี้ถูกเล่าขานต่อๆ กันมาว่า ถูกฝังไว้ใต้ดินคูเมืองกำแพงเพชรตั้งแต่สมัยเป็นเมืองหน้าด่านของกรุงศรีอยุธยา ในขณะนั้นพม่าได้ยกทัพเข้ามาโจมตีกำแพงเพชรหลายครั้งแต่ตีไม่สำเร็จ จึงได้ล้อมเมืองไว้เพื่อให้คนในเมืองอดตาย แต่ชาวบ้านก็ได้อาศัยน้ำจากท่อทองแดงประทังชีวิต แต่ต่อมามีคนชื่อ “หมื่นแสน” เกิดคิดมักใหญ่ไฝ่สูง ทรยศบ้านเมืองนำเรื่อง “ท่อทองแดง” ไปบอกกับพม่า แม่ทัพพม่ารู้ดังนั้นจึงฆ่าหมื่นแสน แล้วนำศพไปใส่ไว้ในท่อทองแดงและปิดเสีย จนทำให้ชาวบ้านต้องอดอยากเพราะขาดน้ำจนเป็นผลให้พม่าเข้ายึดเมืองได้ในที่สุด
เผยแพร่เมื่อ 13-03-2018 ผู้เช้าชม 1,883
เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในศาสนาปัจจุบันนี้ได้เสด็จจารึกประกาศธรรม และโปรดเวไนยสัตว์มายังปัจจัยตะประเทศ (ประเทศไทยในปัจจุบัน)จนกระทั่งมาถึงเทือกเขาทางตอนเหนือของประเทศ ชื่อเขา เวภารบรรพตซึ่งขณะนั้นได้เสด็จพร้อมกับพุทธสาวก 500 องค์ และได้แวะฉันจังหันอยู่บนเขา เวภารบรรพตแห่งนี้ เมื่อพระพุทธองค์ฉันจังหันเสร็จ ขณะประทับอยู่ที่นั้น ก็ได้ทราบด้วยญาณสมาบัติว่าบนเทือกเขาแห่งนี้ ได้มีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ามาประทับอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่คือ พระพุทธเจ้าที่มาตรัสรู้ภัทรกัลป์นี้ แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงเล็งดูรอยพระพุทธบาทแห่งพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ คือ พระพุทธเจ้ากุสันธะ ,พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ , พระพุทธเจ้ากัสสปะ
เผยแพร่เมื่อ 03-04-2019 ผู้เช้าชม 1,654
ณ เชิงเขาแหํงหนึ่ง มีกระท่อมอยูํหลังหนึ่ง ซึ่งมีตากับยายอาศัยอยูํ 2 คน มีอาชีพทำไรํทำนาอยูํบนเชิงเขา อยูํมาวันหนึ่งมีพระธุดงค์ได้มาปักกลดอยูํใกล้บ้านตากับยาย ตากับยายเลยคิดวำจะทำอะไรให้พระฉันดี ยายก็คิดวำผลไม้บนเชิงเขาก็ไมํคํอยมี กลัวพระจะฉันไมํอิ่ม ก็เลยคิดวำที่บ้านมีไกํอยูํ 1 ตัว และแมํไกํตัวนี้ได้มีลูกอีก 7 ตัว ยายจึงคิดจะทำแกงไกํถวายพระ แมํไกํได้ยินเข้าจึงร้องไห้ แล้วเอาปีกโอบลูกไกํทั้ง 7 ตัวไว้ แล้วบอกกับลูกวำ ลูกเอยพรุํงนี้เช้าแมํต้องตายแล้ว แล้วแมํไกํได้สอนลูกไกํทั้ง 7 ตัว วำให้รักกันให้มากๆ พอรุํงเช้ามาตาก็ก่อไฟไว้เพื่อที่เตรียมจะแกงไก่ พอลูกไกํเห็นตากำลังเชือดคอแมํไกํ ลูกไกํเห็นดังนั้นจึงเสียใจกระโดดเข้ากองไฟตายตามแมํไกํทั้ง 7 ตัว ตาจึงได้ทำแกงไก่ถวายพระด้วยความที่ลูกไกํมีใจประเสริฐนึกถึงแม่ตัวเองตลอดเวลา จึงไปเกิดเป็นดาวลูกไกํ ทั้ง 7 จนถึงปัจจุบันนี้
เผยแพร่เมื่อ 03-09-2019 ผู้เช้าชม 30,537
กาลครั้งหนึ่ง เศรษฐีเลี้ยงหมากับแมวไว้ด้วยกันบนบ้าน เศรษฐีมีเพชรเม็ดหนึ่งแล้วถูกโจรขโมยขึ้นไปบนยอดเขา แมวจึงได้จับหนูมาจะกิน หนูร้องขอชีวิต บอกว่าจะให้ทำอะไรก็ยอม แมวเลยให้ไปเอาเพชรบนยอดเขามาคืน หนูทำได้สำเร็จ แมวกับหมาก็นำไปคืนให้เศรษฐีพร้อมกัน เศรษฐีชมเชยทั้งสองว่าเลี้ยงไว้ไม่เสียดายข้าวสุก ต่อมาเศรษฐีเดินทางทางเรือ เผลอทำเพชรตกน้ำอีก แมวก็เลยจับปลาไว้ ปลาร้องขอชีวิต แมวจึงให้ปลาไปคาบเพชรใต้น้ำขึ้นมา
เผยแพร่เมื่อ 27-03-2020 ผู้เช้าชม 10,055