ถ้ำแม่อุสุ
เผยแพร่เมื่อ 15-08-2018 ผู้ชม 5,241
[17.3040861, 98.1532231, ถ้ำแม่อุสุ]
ถ้ำแม่อุสุไม่เพียงสวยงามน่าตื่นตื่นใจ แต่ยังมีตำนานเรื่องเล่าที่น่าตื่นใจไม่แพ้กัน โดยจากข้อมูลของทางอุทยานฯแม่เมย ระบุว่า ถ้ำแม่อุสุถูกค้นพบก่อน ปี พ.ศ. 2530 ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้ค้นพบคนแรก ชาวปะกะญอ(ปกากะญอ) เรียกถ้ำแม่อุสุว่า “ทีหนึปู่” แปลว่าน้ำไหลเข้าไปในถ้ำ มีเรื่องเล่าสืบทอดกันว่า เมื่อถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา หรือวันพระจันทร์เต็มดวง ชาวบ้านจะได้ยินเสียงดนตรีดังสนั่นหวั่นไหวในถ้ำ เหมือนกับว่ามีงานเทศกาล
บ้างก็เล่าว่าในถ้ำมีเสือสมิงอาศัยอยู่ ครั้งหนึ่งได้กินชาวบ้านไปคนหนึ่ง พอตกค่ำแฟนสาวก็รู้ว่าแฟนตัวเองถูกเสือกินตายก็นั่งร้องไห้อยู่ตรงหน้าถ้ำทั้งวันทั้งคืน ไม่ยอมกินข้าวกินปลา จนเสือแปลงกายออกมาขอโทษ และขอรับผิดชอบในสิ่งที่ทำเอาไว้ และจะเลี้ยงดูตลอดชีวิต...
นั่นเป็นตำนานเล่าขาน ที่ฟังดูแล้วเสือสมิงตัวนี้ดูมีมโนธรรมไม่น้อย เพราะยังกล้ารับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำไป ต่างจากนักการเมืองหลายๆคนในบ้านเราที่เมื่อทำผิด นอกจากจะไม่ยอมรับผิดชอบแล้ว ยังมาลอยหน้าลอยตาโกหกพกลมอีกว่าตนเป็นคนดีทำเพื่อพ่อแม่พี่น้องประชาชน ไอ้คนพวกนี้มันต้องให้เสือสมิงขบลากไปกินให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
อย่างไรก็ดีกับเรื่องนี้ผมก็ขอย้ำอีกทีว่านี่เป็นเพียงตำนานเท่านั้น เพราะฉะนั้นสาวคนใดที่อยากจะเปลี่ยนแฟน หรือไม่สบอารมณ์แฟนคนเก่า จะหลอกแฟนของตัวเองให้มาที่ถ้ำนี้ เพื่อให้เสือสมิงขบ ลากไปกินนั้น คงต้องไปคิดหาวิธีอื่นแทน
อันซีน โรงละครใต้พิภพ
ถ้ำแม่อุสุ เป็นถ้ำที่มีความสวยงามมากในอันดับต้นๆของเมืองไทย ได้รับการขนานนามให้เป็น “โรงละครใต้พิภพ” และได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์ ซึ่งจะอันซีนอย่างไรนั้น เดี๋ยวเข้าไปในถ้ำแล้วคงรู้กัน แต่ตอนนี้ผมขอเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการลุยถ้ำแม่อุสุเสียก่อน เพราะการจะเข้าไปชมความงามภายในถ้ำต้องเดินลุยน้ำประมาณน่อง(หรือเอวขอบางคนเข้าไป) เนื่องจากถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำน้ำลอด มีลำธารแม่อุสุไหลผ่านลอดหายเข้าไปใต้เพิงผา ดูแล้วสมเป็นอันซีนจริงๆ เพราะเมื่อมองจากภายนอกจะไม่รู้เลยว่าใต้ผาแห่งนี้มีความมหัศจรรย์ของธรรมชาติแฝงเร้นอยู่
เมื่อผมกับเพื่อนๆ เปลี่ยนองค์ทรงเครื่องเตรียมลุยกันพร้อมแล้ว พี่เจ้าหน้าที่คนนำทางก็พาเดินเลียบริมตลิ่ง ก่อนหย่อนขาเดินลุยไปในล้ำห้วย ซึ่งพวกเราก็ต้องทำอย่างนั้นเช่นกัน
สายน้ำในลำห้วยลึกในระดับน่อง พวกเราค่อยๆเดินลุยไปอย่างระมัดระวัง กับสายน้ำสูงในระดับนี้ ถ้าไม่เมาคงไม่มีใครจมน้ำตาย แต่ถ้าเราลื่นล้มหัวคะมำไป กล้องของพวกเขาที่พกมานะสิจะตาย งานนี้จึงค่อยๆไปแบบเนิบ เน้นช้าแต่ชัวร์เป็นสำคัญ หลังจากเดินลุยน้ำใต้โถงเพดานถ้ำไปประมาณ 260 เมตร เราก็มาถึงยังทางขึ้นถ้ำที่มีการปรับทางทำเป็นบันไดไว้ แต่ใครที่จะก้าวขึ้นต้องระมัดระวังให้ดี เพราะการก้าวตัวขึ้นในช่วงนี้ลื่นใช่เล่น
ภายในถ้ำแห่งนี้แบ่งออกเป็น 3 ห้องใหญ่ๆ ห้องแรกมีความสูง 15-20 เมตร มีความยาวประมาณ 40 เมตร มีหินงอกหินย้อยรูปร่างประหลาดให้ดูแล้วจินตนาการการตามกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หินรูปร่างคล้ายสิงโต มีหินผ้าม่านเป็นชั้นๆ หินหัวช้าง หินทรงเจดีย์ รวมไปถึงหินที่ได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของถ้ำแม่อุสุนั่นก็คือ หินรูปชาวอาข่าแบกของไว้ข้างหลัง หินก้อนนี้หากส่งไปให้ถูกมุม มองให้ถูกมุม สามารถจินตนาการตามได้ไม่ยาก ส่วนใครจะมองเป็นชาวเขาเผ่าอื่นที่ไม่ใช่อาข่าก็สุดแท้แต่ แต่ผมมองเห็นคุณยายชาวอาข่าเดินแบกของอยู่
ห้องถัดไปห้องที่ 2 มีเพดานถ้ำสูง 15 เมตรขึ้นไป มีความยาวร่วมๆ 65 เมตรแน่ะ ห้องนี้จัดเป็นห้องไฮไลท์ มีมุมอันซีนไทยแลนด์เป็นมุมถ่ายรูปยอดฮิตที่ปรากฏตามหนังสือและเว็บไซต์ท่องเที่ยวทั่วไป แต่มีเงื่อนไขว่านักท่องเที่ยวต้องไปให้ถูกเวลากับช่วงที่แสงแดดยามบ่ายส่องลอดโพรงถ้ำเข้ามาเห็นเป็นลำขนาดใหญ่ ดูปานประหนึ่งสปอร์ตไลท์ขนาดยักษ์ที่ธรรมชาติประทานให้มา
แสงสวรรค์ลำนี้ได้สาดส่องเข้ามาเน้นขับให้ภายในโถงถ้ำห้องนี้เกิดภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจ กับหินงอกหินย้อยรูปทรงแปลกตาที่เกิดขึ้นอย่างมีจังหวะจะโคน ไล่องค์ประกอบไปสู่ด้านในที่มีเสาหินสูงใหญ่รูปทรงสวยงามตั้งตระหง่านเงื้อม โดยมีผนังถ้ำด้านหลังที่เป็นริ้วหินงอกหินย้อยซ้อนชั้นเป็นม่านความงามรองรับ ขณะที่ด้านบนเพดานถ้ำอันโอ่โถงนั้นก็มีหินย้อยแหลมๆย้อยลงมาช่วยเสริมความงาม ซึ่งนี่นับเป็นองค์ประกอบมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างที่สื่อถึงความเป็นโรงละครใต้พิภพได้เป็นอย่างดี
จากห้องที่สอง เส้นทางดูเผินๆเหมือนจะจบลงแค่นี้ เพราะเบื้องหน้ามีแนวหินงอกหินย้อยขนาดใหญ่ตั้งเป็นม่านผนังขวางตระหง่านอยู่ แต่พี่เจ้าหน้าที่ได้พาปีนขึ้นไปในช่องเล็กๆ พร้อมบอกให้ทุกคนมุดแทรกตัวตามเข้าไป ทางช่วงนี้ลื่น ผมต้องลงทุนเดิน 4 ขา พร้อมเอาก้นไถลตัวผ่านซอกม่านหินเพื่อไปโผล่ในห้องถัดไป
สำหรับห้องที่ 3 นี้ เป็นห้องที่มีโถงสูงที่สุดอยู่ในราว 20-05 เมตร ยาวประมาณ 50 เมตร ภายในมีหินรูปร่างประหลาดแปลกตาให้ชมกันจำนวนหนึ่ง ไม่มากเท่าห้องที่ 2 แต่ว่า หินหลายก้อนถือว่ามีจุดเด่นชวนให้จินตนาการตามได้ดีทีเดียว อย่างเช่น หินรูปฉลามอ้าปาก หินตาหินยาย หรือหินรูปพระปรางค์แล้ว หินหลายก้อนยังมีตะไคร่เกาะเขียว ขณะที่บางก้อนเป็นหินเป็นที่กำลังเติบโต ชุ่มไปด้วยน้ำหินปูนที่หยดลงมาจากเบื้องบน เห็นเนื้อหินขาวเนียนไม่ต่างไปจากผิวสาวหมวยวัยกระเตาะ
หลายคนบอกเวลาเข้าถ้ำอย่าไปสัมผัสหินเป็นเด็ดขาด อันนี้ถูกต้องเพราะจะทำให้หินเป็น เป็นหินตาย เท่ากับเป็นการฆาตกรรมสิ่งมีชีวิตที่มีอายุนับพันนับหมื่นไปไปในทันที อย่างไรก็ดี ไม่เพียงหินเป็นเท่านั้น หินงอกหินย้อยๆอื่นๆที่บางก้อนอาจดูเหมือนหินตายก็ห้ามไปสัมผัสจับต้อง ถูกได้ จับได้ สัมผัสได้ก็แต่หินที่ทางอุทยานฯอนุญาตให้จับต้องได้เท่านั้น(ให้สังเกตจากการสัมผัส จับ ต้องของเจ้าหน้าที่นำทาง)
สิ่งน่าสนใจในห้องที่ 3 ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะเมื่อเดินลึกไปอีกจะพบกับไฮไลท์คือมุมชมวิวที่สามารถมองลงไปเห็นห้องโถงสูงของถ้ำในช่วงสุดท้ายที่ดูออกแนวเหวนิดๆเพราะมันมีช่วงที่ตัดลึกลงไป แต่นี่นับเป็นอีกหนึ่งจุดที่ดูสวยงามอลังการไม่น้อย เพราะมีแสงธรรมชาติส่องลอดเข้ามากระทบ เห็นกลุ่มหินงอกหินย้อยที่มีทั้งข้างบนข้างล่าง แต่ถ้าใครที่จะเดินเลาะแนวขอบหินไปชมพื้นเบื้องล่างต้องระมัดระวังให้ดี เพราะถ้าตกลงไป ไม่ตายก็พิการ
อันซีน ทางลุยน้ำ
หลังถ่ายภาพ ชื่นชม กับความสวยงามของโถงในช่วงสุดท้ายแล้ว พวกเราเดินย้อนไปในเส้นทางสายเก่าเพื่อกลับออกจากถ้ำ เพราะถ้ำแห่งนี้เข้ามาทางไหนก็กลับออกไปทางนั้น
ระหว่างทางช่วงที่เดินลุยน้ำกลับ ผมเห็นที่บริเวณปากทางเข้าถ้ำที่ได้เคยผ่านเข้ามา มีนักท่องเที่ยวคณะอื่นเดินลุยน้ำสวนเข้ามา เกิดเป็นภาพซีลูเอทของกลุ่มคนในเงามืดเดินลุยลำห้วยที่สะท้อนแสงสว่างภายนอกและภายในถ้ำ เกิดเป็นละลอกคลื่นเขียวพริบพราย มีฉากหลังเป็นเนินหญ้าสีเขียว ยามมีคนเดินผ่านเห็นเป็นภาพเงามืดตัดกับแสงสว่างจ้าภายนอกถ้ำ ดูสวยงามน่ายลจนหลายๆคนที่หันมามองตามต้องหยิบกล้องขึ้นมาชักภาพกันคนละหลายๆช็อต
นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งมุมอันซีนของถ้ำอันซีนแห่งนี้ที่มีให้ได้ยลกันจนถึงโค้งสุดท้าย
ถ้ำแม่อุสุ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอุทยานแห่งชาติแม่เมย อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอท่าสองยางไปทางเหนือประมาณ 12 กิโลเมตร บนทางหลวงหมายเลข 105 สายแม่สอด-แม่สะเรียง เลยกิโลเมตรที่ 94 ไปเล็กน้อย จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะถึงถ้ำแม่อุสุ
ถ้ำแม่อุสุ สามารถเที่ยวชมได้ในฤดูแล้ง ระหว่างเดือนธันวาคม-เมษายน การเข้าเที่ยวชมภายในถ้ำควรมีไฟฉาย และควรมีเจ้าหน้าที่นำทาง
ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติแม่เมย โทร. 0-5557-7409 และสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทาง ที่พัก และสถานที่ท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับถ้ำแม่อุสุ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองตากได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานตาก โทร. 0-5551-4341 -3
คำสำคัญ : ถ้ำแม่อุสุ
ที่มา : https://mgronline.com/travel/detail/9610000032317
รวบรวมและจัดทำข้อมูล : กาญจนา จันทร์สิงห์
สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มาหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร. (2561). ถ้ำแม่อุสุ. สืบค้น 13 ตุลาคม 2567, จาก https://arit.kpru.ac.th/ap2/local/?nu=pages&page_id=704&code_db=610002&code_type=TK009
Google search
ถ้ำแม่อุสุถูกค้นพบก่อน ปีพ.ศ. 2530 ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้ค้นพบคนแรก ชาวปะกะญอ(ปกากะญอ) เรียกถ้ำแม่อุสุว่า “ทีหนึปู่” แปลว่าน้ำไหลเข้าไปในถ้ำ มีเรื่องเล่าสืบทอดกันว่า เมื่อถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา หรือวันพระจันทร์เต็มดวง ชาวบ้านจะได้ยินเสียงดนตรีดังสนั่นหวั่นไหวในถ้ำ เหมือนกับว่ามีงานเทศกาล
เผยแพร่เมื่อ 15-08-2018 ผู้เช้าชม 5,241
ม่อนปุยหมอก เป็นจุดที่ชมทะเลหมอกได้กว้างไกลและชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกได้งดงามอีกแห่งหนึ่ง การเดินทางจากตัวอุทยาน ต้องเดินทางขึ้นไปด้วยเท้าระยะทาง 4 ก.ม.
เผยแพร่เมื่อ 15-08-2018 ผู้เช้าชม 1,203
น้ำตก ทีมอโบ (Thi Mo Bo) เป็นน้ำตกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีความสวยงามและโดดเด่น เสน่ห์แห่งความงดงาม เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน น้ำตกแห่งนี้จะกลับมาหาเรา ไอหมอก กลิ่นดิน ต้นไม้ ใบหญ้า 2 ข้างทางบ้านแม่ตะวอ-แม่จวาง เมื่อฝนตกจึงกลายเป็นน้ำตก ที่สวยงามข้างทาง ไปแล้ว และเป็นที่นิยมและจุดถ่ายภาพเพื่อลงในโซเซียลจำนวนมาก จากหมู๋บ้านเล็กๆท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม บ้านแม่ตะวอ จึงถือได้ว่าเป็น Unseen in Thailand อีกแห่งหนึ่งด้วยมนต์เสน่ห์ทางธรรมชาติ Landmark ชายแดนไทย-เมียนมาร์
เผยแพร่เมื่อ 15-08-2018 ผู้เช้าชม 2,574
เชื่อว่าช่วงนี้หลายคนกำลังมองหาที่เที่ยว ชมทะเลหมอกสวยๆ กันอยู่ เพราะอากาศหนาวๆ แบบนี้มันเหมาะจะไปยืนรับลม ชมวิวบนยอดเขาเป็นที่สุด! วันนี้เราก็เลยจะมาแนะนำที่เที่ยวที่เป็น Unseen ในจังหวัดตาก คนยังไม่ค่อยรู้จัก แต่บอกเลยว่าความสวยยืนหนึ่งแน่นอนค่ะที่ดอยม่อนคลุย ทะเลหมอกเหนือแม่น้ำ สุดฟิน!
เผยแพร่เมื่อ 30-09-2022 ผู้เช้าชม 1,145
อุทยานแห่งชาติแม่เมยต้นกำเนิด แม่น้ำเมยและลำน้ำสายเล็กๆ อีกหลายสาย หากทวนสายน้ำขึ้นสู่เขาสูง ยิ่งจะพบว่ามีหลายดอยที่วิวสวย และสามารถชมทะเลหมอกยามเช้าและชมพระอาทิตย์ตกดินได้ ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมย ประมาณ 7 กิโลเมตร ไปถึงจุดชมวิวม่อนครูบาใส และห่างจากม่อนพูนสุดเพียง 200 เมตร ก็สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกก็สวย
เผยแพร่เมื่อ 21-12-2020 ผู้เช้าชม 1,631
ม่อนทูเล หรือ ดอยทูเล ยอดเขาที่สูงที่สุดในอำเภอท่าสองยาง 1,350 เมตร จากระดับน้ำทะเล โดยชาวปกาเกอะญอ เรียภูเขาแห่งนี้ว่า “ทูเลโค๊ะ” แปลว่า “ภูเขาสีทอง” เนื่องจากในช่วงเดือนพฤศจิกายน – มกราคม ทุ่งหญ้าอันเขียวขจีตามทิวเขา จะเปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม งดงามท่ามกลางทะเลหมอกและอากาศอันหนาวเย็น หากได้อยู่ในบรรยากาศแบบนั้น คุณแทบไม่อยากกลับลงมาเลยล่ะ อย่าเพิ่งเชื่อจนกว่าจะได้ลองไปสัมผัสด้วยตัวเอง
เผยแพร่เมื่อ 21-12-2020 ผู้เช้าชม 1,247
อุทยานแห่งชาติแม่เมย เริ่มมีการสำรวจว่าจัดตั้ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 เป็นหน่วยงานกองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ใช้ชื่อว่า อุทยานแห่งชาติแม่เมยนั้น เพราะว่ามีแม่น้ำเมยซึ่งกั้นระหว่างประเทศไทยและประเทศพม่า เป็นเขตด้านทิศตะวันตกเกือบ 50 กิโลเมตร จากทิศเหนือจรดทิศใต้ อีกทั้งแม่น้ำเมยนั้นเป็นแม่น้ำที่แปลกคือ จะไหลมาทางทิศใต้ ขึ้นไปทางทิศเหนือ พื้นที่ที่ทำการสำรวจจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ ส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่ของวนอุทยานถ้ำแม่อุสุ และรวมพื้นที่ของป่าสงวนแห่งชาติป่าท่าสองยางบางส่วน เป็นแนวเทือกเขาถนนธงชัย โดยเริ่มจากตำบลแม่ต้าน ผ่านตำบลแม่สอง จนถึงตำบลท่าสองยาง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 713,750 ไร่ หรือ 1,142 ตารางกิโลเมตร
เผยแพร่เมื่อ 26-01-2021 ผู้เช้าชม 1,253
“น้ำตกแม่ระเมิง" เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในจังหวัดตาก โดยน้ำตกนั้นตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติแม่เมย โดยอยู่ห่างจากที่ทำการของอุทยานแห่งชาติแม่เมย ไปตามเส้นทางสู่ม่อนกิ่วลมอยู่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 20 ทางด้านขวามือจะพบน้ำตกที่มีความสวยงามมากแห่งหนึ่ง โดยน้ำตกนั้นมีลักษณะเป็นน้ำตกขนาดเล็กสูงราว 15 เมตร ตกลงมาเป็นสองชั้นไหลลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง
เผยแพร่เมื่อ 26-01-2021 ผู้เช้าชม 2,479
เป็นน้ำตกที่เด่นที่สุดในอุทยานฯ มีความสูง 150 เมตร เวลาที่อยู่ใกล้ ๆ จะมองเห็นสายน้ำทิ้งตัวลงจากหน้าผา ส่งให้สายน้ำไหลแรงมากระทบโขดหิน และแอ่งน้ำเบื้องล่าง ป่ารอบ ๆ บริเวณจึงชุ่มชื้น และฉ่ำเย็นด้วยละอองของน้ำที่กระจายไปทั่ว สายน้ำสีขาวของผาเทวะไหลยาวไปสู่เบื้องล่างสามารถมองเห็นได้จากอีกยอดเขาหนึ่ง
เผยแพร่เมื่อ 26-01-2021 ผู้เช้าชม 868
ดอยเบอบาตู ตั้งอยู่ที่บ้านปางทองกลุ่มบ้านโหย่กะแตะ ตำบลแม่วะหลวง อำเภอทาสองยาง จังหวัดตากมีความสูงจากระดับน้ำทะเลราวๆ 1,192 เมตร ระยะทางการเดินเท้าไปถึงยอดแค่ 3 กิโลเมตรเท่านั้น แต่สภาพเส้นทางก็จะมีความยากง่ายต่างกันไป เหมาะสำหรับผู้ที่รักการผจญภัยชอบเที่ยวชมธรรมชาติอย่างที่สุด
เผยแพร่เมื่อ 30-09-2022 ผู้เช้าชม 783