การเข้าทรงนางด้งของลาวคั่ง
เผยแพร่เมื่อ 14-02-2018 ผู้ชม 1,825
[16.0203904, 99.5191128, การเข้าทรงนางด้งของลาวคั่ง ]
ที่บ้านหนองเหมือด อำเภอขาณุวรลักษณบุรี กำแพงเพชร มีการสืบทอดวัฒนธรร การเข้าทรงนางด้ง โดยมีเพลงร้องที่ว่านางด้งเอยเข้าผ่าระหง กระด้งแม่ม่าย เขาถากเปลือกแดง เขาแทงแมงเม่า ขอเชิญพระเจ้ามาเข้านางด้ง (ร้องซ้ำไปเรื่อย ๆ) บางแห่งร้องว่า นางด้งเอย ละป่าระหง กระด้งใหม่ๆ ของฝัดเครื่องแกง ข้าวแดง แมงเม่า กระด้งฝัดข้าว ออกมาพึกๆ ออกมาผายๆ ขอคืนกาย มาเข้านางด้ง ขอเชิญพระเจ้า มาเข้านางด้ง ร้องซ้ำไป
ภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นสิ่งที่สั่งสม มาช้านาน ถึงการนำอุดมการณ์แห่งความรัก ความสามัคคี ความอบอุ่น ความเข้าใจ และการอยู่ร่วมกัน ในกลุ่มชนอย่างผาสุก มาใช้ได้อย่างเหมาะสม แนบเนียน ในชีวิตประจำวัน ทำให้สังคมไทยอยู่อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในชีวิตความเป็นอยู่ที่สมถะ เรียบง่าย และไม่เน้นกฎเกณฑ์ที่ตายตัว ยืดหยุ่น รักสงบ มีความสุข ในการทำกิจกรรมร่วมกัน การเข้าทรงนางด้ง หรือผีนางด้ง เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิม ที่สำคัญของคนไทย มิใช่เรื่องไร้สาระกิจกรรมทุกกิจกรรม ล้วนแฝงไว้ด้วยความลึกซึ้งของสังคมและวัฒนธรรม ในเกือบทุกภาค ที่มีอาชีพทำไร่ทำนา แต่ไม่มีหมู่บ้านใดดำรงความเป็นไทย และภูมิปัญญาไทยไว้ได้ การละเล่น ใช้สถานที่ที่เป็นลานกลางแจ้ง ไม่มีสิ่งกีดขวาง มักจะเล่นในวันตรุษสงกรานต์ ตอนกลางคืน ในการละเล่นนี้ผู้เล่นจะประกอบด้วย ผู้เชิญผีนางด้งเป็นผู้หญิง 2 คน ผู้ร้องเป็นผู้ที่ดูการละเล่น นอกจากนี้ยังมีผู้ซักถามสิ่งที่อยากรู้อีก 1 คน ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้นั้นประกอบด้วย สากยาว (สากมือ) ไว้ใช้ตำข้าวในสมัยโบราณ 2 อัน กระด้งขนาดพอเหมาะ 1 ใบ ผ้าขาวไว้คลุมกระด้งเวลาเชิญผีนางด้ง แล้วยังมีดอกไม้ธูปเทียนอีก 2 ชุด กับไม้คานอีก 1 อันการเข้าทรงนางด้ง จึงเป็นภูมิปัญญาไทยในภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง ที่ประกอบอาชีพ ในการทำไร่ ทำนา ทำเกษตรกรรมอันเป็นพื้นฐานแห่งวิถีชีวิตอย่างลึกซึ้งของคนไทยที่นิยมเล่นกันในวันสงกรานต์ ต้องยกย่องประชานที่สามารถฟื้นฟูวิถีชีวิตไทยสามารถนำภูมิปัญญาไทยมาสร้างสีสันได้อย่างเหมาะสม.มิใช่เป็นเรื่องความเชื่อแต่เพียงอย่างเดียว แต่มีภูมิปัญญาที่ทรงไว้อย่างมั่นคง อย่างสงบ เรียบง่าย สมถะ ในเศรษฐกิจพอเพียง ของสังคมไทยนี่แหละวิถีชีวิตแท้ๆของไทย ที่นับวันจะสูญหายไปอย่างไร้คนเข้าใจและมักดูถูกรากเหง้าของตนเองว่าคร่ำครึ ไม่ทันสมัยรับวัฒนธรรมตะวันตกมาอย่างลืมหูลืมตาไม่ขึ้น ขอบคุณอีกครั้งสำหรับผู้ฟื้นฟูความเป็นไทยทุกคน
ภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นสิ่งที่สั่งสม มาช้านาน ถึงการนำอุดมการณ์แห่งความรัก ความสามัคคี ความอบอุ่น ความเข้าใจ และการอยู่ร่วมกัน ในกลุ่มชนอย่างผาสุก มาใช้ได้อย่างเหมาะสม แนบเนียน ในชีวิตประจำวัน ทำให้สังคมไทยอยู่อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในชีวิตความเป็นอยู่ที่สมถะ เรียบง่าย และไม่เน้นกฎเกณฑ์ที่ตายตัว ยืดหยุ่น รักสงบ มีความสุข ในการทำกิจกรรมร่วมกัน การเข้าทรงนางด้ง หรือผีนางด้ง เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิม ที่สำคัญของคนไทย มิใช่เรื่องไร้สาระกิจกรรมทุกกิจกรรม ล้วนแฝงไว้ด้วยความลึกซึ้งของสังคมและวัฒนธรรม ในเกือบทุกภาค ที่มีอาชีพทำไร่ทำนา แต่ไม่มีหมู่บ้านใดดำรงความเป็นไทย และภูมิปัญญาไทยไว้ได้ ที่หมู่บ้าน ทุ่งตาพุก ตำบลอ่างทอง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ประชาชนในหมู่บ้านไร้รื้อฟื้นประเพณี การละเล่นพื้นบ้านที่หายสาบสูญไปนับ ครึ่งศตวรรษ กับคืนมาด้วยความรัก และความสามัคคีของคนในหมู่บ้านได้อย่างน่าชื่นชม เครื่องมือประกอบการแสดง การเข้าทรง ล้วนเป็นเครื่องมือในการเกษตรอย่างเช่น กระด้งสำหรับ ฝัดข้าว สากสำหรับการตำข้าว ผ้าขาวม้า.เพลงที่มีเนื้อร้องที่น่าสนใจ ในภูมิปัญญาท้องถิ่น อย่างลึกซึ้งและกลมกลืน น่าฟัง.นางด้งเอย ละป่าระหง กระด้งใหม่ๆ ของฝัดเครื่องแกง ข้าวแดง แมงเม่า กระด้งฝัดข้าว ออกมาพึกๆ ออกมาผายๆ ขอคืนกาย มาเข้านางด้ง ขอเชิญพระเจ้า มาเข้านางด้ง ร้องซ้ำไปซ้ำ มาอยู่หลายรอบ ความเยือกเย็นของน้ำเสียงทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ
ในการเข้าทรงอุปกรณ์ที่สำคัญของการเข้าทรงคือ กระด้งของและสากตำข้าว ของแม่ม่าย มีข้อพิเศษ คือต้องไปเอาของสองสิ่งมาโดยไม่บอกให้เจ้าของทราบ คือขโมยมานั่นเอง. การเข้าทรงหญิงเข้าทรงจะนั่งอยู่ตรงกลาง มีผู้ช่วยนั่งอยู่ตรงหน้า ในระหว่างสากทั้งสอง นำกระด้ง หุ้มด้วย ผ้าขาวม้า เมื่อไหว้ครูและเชิญวิญญาณ มาเข้า ทรงท่ามกลางเสียงเพลง ที่เยือกเย็นแต่แฝงไว้ด้วยความเชื่อมั่น ในความเชื่อเรื่อง ทรงเจ้า เข้าผีของ พวกเขา เมื่อวิญญาณมาเข้าแล้ว นางด้งจะเริ่มสั่นไปทั้งร่างกาย ผีจะเข้าทรงที่เรียกกันว่าผีนางด้ง จะเริ่มลุกขึ้นร่ายรำ อย่างสนุกสนาน และลืมความเหน็ดเหนื่อย ผีนางด้ง จะนำกระด้ง ไปกวักใคร หรือไปแตะใคร ผู้นั้นจะต้องออกมารำ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาแห่งการมีส่วนร่วม ชาวบ้านจะร้องเพลงตีกลองให้จังหวะอย่างสนุกสนาน ในที่สุดก็จะ รำกันทั้งหมู่บ้าน ซึ่งแสดงถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความสามัคคี ในหมู่คณะ ของชาวบ้าน เมื่อรำไปได้สักพักหนึ่ง ชาวบ้านที่รักสนุกอยากจะหยอก ผู้เข้าทรงนางด้ง ก็จะลักสากตำข้าวไปซ่อน นางด้งก็จะโมโห และไล่นำกระด้งไปฟาด ผู้นั้นจนต้องนำมาคืน หรือหาสากพบ นำความสนุกสนานครื้นเครงมาสู่หมู่บ้านนั้นอย่างกลมกลืนและแนบเนียน เมื่อสนุกสนานกันได้ครู่หนึ่ง ก็จะมีการทำนายทายทักเรื่องราวต่างๆ ในหมู่บ้านหรือเรื่องทั่วไปเพื่อช่วยในการสร้างความสามัคคี และความอบอุ่นใจ โดยมีชาวบ้านที่ร่วมกิจกรรมการเข้าทรงมาถามเรื่องที่ตนเองสงสัย หรือถามเรื่องที่ทำความครึกครื้น ในหมู่บ้าน อันเกิดความเข้าใจและเกิดกำลังใจ ให้ชาวบ้านในการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิต เมื่อเห็นว่า นางด้งสนุกสนานช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ไม่น่าเบื่อ ก็จะเชิญนางด้งออก ผู้เข้าทรงจะไม่ทราบเรื่องรางที่ตนเองเข้าทรงเลย จะงงและถามว่าเกิดอะไรขึ้น การเข้าทรงนางด้ง จึงเป็นภูมิปัญญาไทยในภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง ที่ประกอบอาชีพ ในการทำไร่ ทำนา ทำเกษตรกรรมอันเป็นพื้นฐานแห่งวิถีชีวิตอย่างลึกซึ้งของคนไทยที่นิยมเล่นกันในวันสงกรานต์ ต้องยกย่องประชาชน หมู่บ้านทุ่งตาพุก ที่สามารถฟื้นฟูวิถีชีวิตไทยสามารถนำภูมิปัญญาไทยมาสร้างสีสันได้อย่างเหมาะสม.มิใช่เป็นเรื่องความเชื่อแต่เพียงอย่างเดียว แต่มีภูมิปัญญาที่ทรงไว้อย่างมั่นคง อย่างสงบ เรียบง่าย สมถะ ในเศรษฐกิจพอเพียง ของสังคมไทยนี่แหละวิถีชีวิตแท้ๆของไทย ที่นับวันจะสูญหายไปอย่างไร้คนเข้าใจและมักดูถูกรากเหง้าของตนเองว่าคร่ำครึ ไม่ทันสมัยรับวัฒนธรรมตะวันตกมาอย่างลืมหูลืมตาไม่ขึ้น ขอบคุณอีกครั้ง สำหรับผู้ฟื้นฟูความเป็นไทยทุกคน
ภาพโดย : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=373745149334927&set=a.373744959334946.82948.100000983356949&type=3&l=a253766659&theater
คำสำคัญ : ผีนางด้ง การเข้าทรง
ที่มา : http://sunti-apairach.com/06/06F.htm
รวบรวมและจัดทำข้อมูล : กาญจนา จันทร์สิงห์
สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มาหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร. (2561). การเข้าทรงนางด้งของลาวคั่ง . สืบค้น 24 มิถุนายน 2568, จาก https://arit.kpru.ac.th/ap2/local/?nu=pages&page_id=138&code_db=610004&code_type=06
Google search
เนื่องในเป็นจารีตประจำเดือนหก ก่อนที่จะมีการเพาะปลูก ชาวบ้านจะประกอบพิธีทำบุญกลางบ้าน หรือ บุญชำฮะ พร้อมกับมีการจุดบั้งไฟเพื่อขอฝน สำหรับวัดทุ่งสนุ่นจึงได้จัดให้มีการบวชนาคหมู่ขึ้นในห้วงเวลาเดียวกัน เพื่อให้สอดคล้องกับความเชื่อเรื่องนาคให้น้ำ และเพื่อให้การจัดประเพณีบุญบั้งไฟ ซึ่งแต่เดิมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพระพุทธศาสนาเท่าใดนัก ให้มีความเชื่อมโยงกับพระพุทธศาสนามากขึ้น
เผยแพร่เมื่อ 30-05-2025 ผู้เช้าชม 13
นาบุญ มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 11 ไร่ 2 งาน 40 ตารางวา ตั้งอยู่ห่างจากวัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม ประมาณ 2 กิโลเมตร เมื่อประมาณ พ.ศ.2488 ชาวไทยเชื้อสายลาวเวียงจันทน์ และลาวครั่งหลวงพระบาง ได้อพยพจากจังหวัดราชบุรี และนครปฐม มาตั้งถิ่นฐานที่อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร ได้ถือเอาต้นสนุ่นที่เกิดขึ้นเต็มทุ่งกว้างแห่งนี้ ตั้งเป็นชื่อหมู่บ้านของตนเองว่า “บ้านทุ่งสนุ่น” ส่วนพื้นที่แห่งนี้ก็ใช้เป็นป่าช้าของหมู่บ้าน เมื่อชาวบ้านได้สร้างวัดทุ่งสนุ่นรัตนารามขึ้น สาเหตุที่เรียกว่า นาบุญ เนื่องจากงบประมาณส่วนใหญ่ของการพัฒนาพื้นที่แห่งนี้มาจากจิตศรัทธาการบริจาคของชาวบ้านทั้งสิ้น ดังนั้น นาบุญ คือ นาที่เอาไว้ทำบุญ เกิดขึ้นได้ด้วยบุญเพื่อเป็นแหล่งเพาะปลูกความสุขให้ชุมชนตราบนานเท่านาน ส่วนสะพานบุญโญรสนี้ แปลว่าสะพานของลูกผู้มีบุญ นั่นเอง
เผยแพร่เมื่อ 30-05-2025 ผู้เช้าชม 14
บุญผะเหวด วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม บ้านทุ่งสนุ่น กำหนดจัดงานในสัปดาห์ที่ 1 หรือที่ 2 ในเดือนมีนาคมของทุกปี โดยบุญผะเหวดของที่นี่ได้รวมเอาบุญกุ้มข้าวใหญ่ หรือบุญสู่ขวัญข้าวไว้ด้วย จึงใช้ระยะเวลา 5 วัน โดยก่อนจะถึงงานบุญ 1 เดือน ชาวบ้านต้องออกไปช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าว เพื่อนำมา สร้างพระธาตุรวงข้าว หรือเจดีย์ข้าวเปลือกให้แล้วเสร็จก่อนงาน เมื่อใกล้ถึงวันงานพุทธศาสนิกชนมาช่วยกันจัดตกแต่งศาลาหรือสถานที่ที่จะทำบุญ จัดเตรียมเครื่องสักการะ ดอกไม้ธูปเทียน ข้าวตอกอย่างละพันก้อน มีการตั้งธงใหญ่ไว้แปดทิศ และมีศาลเล็ก ๆ เป็นที่เก็บข้าวพันก้อน และเครื่องคาวหวาน สำหรับผีเปรต และมารรอบๆ ศาลาการเปรียญจะแขวนผ้าผะเหวด เป็นเรื่องราวของพระเวสสันดร ตั้งแต่กัณฑ์ที่ 1 ถึงกัณฑ์สุดท้าย
เผยแพร่เมื่อ 30-05-2025 ผู้เช้าชม 12
ภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นสิ่งที่สั่งสมมาช้านาน ถึงการนำอุดมการณ์แห่งความรัก ความสามัคคี ความอบอุ่น ความเข้าใจ และการอยู่ร่วมกัน ในกลุ่มชนอย่างผาสุก มาใช้ได้อย่างเหมาะสม แนบเนียน ในชีวิตประจำวัน ทำให้สังคมไทยอยู่อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในชีวิตความเป็นอยู่ที่สมถะ เรียบง่าย และไม่เน้นกฎเกณฑ์ที่ตายตัว ยืดหยุ่น รักสงบ มีความสุขในการทำกิจกรรมร่วมกัน
เผยแพร่เมื่อ 14-02-2018 ผู้เช้าชม 1,825