โคกกระสุน

โคกกระสุน

เผยแพร่เมื่อ 09-07-2020 ผู้ชม 7,394

[16.4258401, 99.2157273, โคกกระสุน]

โคกกระสุน ชื่อสามัญ Bindii, Bullhead, Burra gokharu, Caltrop, Caltrops, Cat's head, Devil's eyelashes, Devil's thorn, Devil's weed, Goathead, Ground bur-nut, Small caltrops, Puncture vine, Puncturevine, Puncture weed, Tackweed
โคกกระสุน ชื่อวิทยาศาสตร์ Tribulus terrestris L. จัดอยู่ในวงศ์โคกกระสุน (ZYGOPHYLLACEAE)
สมุนไพรโคกกระสุน มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ ว่า หนามกระสุน (ลำปาง), หนามดิน (ตาก), กาบินหนี (บางภาคเรียก), โคกกะสุน (ไทย), ชื่อจี๋ลี่ (จีนกลาง), ไป๋จี๋ลี่ (จีนกลาง) เป็นต้น

ลักษณะของโคกกระสุน
        ต้นโคกกระสุน จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกทอดเลื้อยไปตามพื้นดิน ยาวได้ถึง 160 เซนติเมตร เป็นพืชจำพวกหญ้าที่มีอายุได้ประมาณ 1 ปี แตกกิ่งก้านแผ่ออกโดยรอบปกคลุมไปตามพื้นดิน ชูส่วนปลายยอดและดอกตั้งขึ้นมา มีขนตามลำต้น ขยายพันธุ์ได้รวดเร็วโดยใช้เมล็ด ขึ้นได้ดีในดินทรายที่ค่อนข้างแห้ง มีการระบายน้ำดี เจริญงอกงามได้ดีในช่วงฤดูฝน เป็นพรรณไม้ที่ชอบขึ้นตามทางรถไฟ ตามที่รกร้าง ตามสวนผลไม้ ทุ่งหญ้า ท้องนา และริมทางสาธารณะทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคกลางของประเทศ
        ใบโคกกระสุน ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกขนาดเล็ก มีใบย่อยประมาณ 4-8 คู่ ก้านใบยาวประมาณ 6-15 มิลลิเมตร ออกตามลำต้นและตามข้อ ออกเรียงแบบสลับตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบมน โคนใบเบี้ยว ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 8-10 มิลลิเมตร หลังใบและท้องใบมีขนนุ่มทั้งสองด้าน มีหูใบเป็นรูปใบหอก
         ดอกโคกกระสุน ออกเป็นดอกเดี่ยวหรือออกเป็นช่อสั้นตามซอกใบหรือตามข้อของลำต้น ดอกเป็นสีเหลืองสด มีกลีบรองดอก 5 กลีบ และกลีบดอก 5 กลีบ กลีบดอกมีลักษณะเป็นรูปรี รูปไข่กลับ หรือรูปไข่ปลายหอก มีสีเหลือง ดอกมีเกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านดอกยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร เมื่อดอกบานจะมีขนาดกว้างประมาณ 0.7-2 เซนติเมตร
         ผลโคกกระสุน ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลม เปลือกผลแข็งเป็นรูป 5 เหลี่ยม มีหนามแหลมใหญ่ 1 คู่ และมีหนามแหลมเล็ก ๆ ทั่วไป ผลจะแบ่งออกเป็น 5 ช่อง ในแต่ละช่องจะมีเมล็ดอยู่ประมาณ 2-3 เมล็ด ผลพอแห้งจะแตกออกได้

สรรพคุณของโคกกระสุน
1. เมล็ดตากแห้งใช้ทำเป็นยาลูกกลอนกินบำรุงร่างกาย เชื่อว่าจะทำให้รู้สึกเป็นหนุ่มขึ้น มีกำลังวังชา หายเหนื่อยล้า และสำหรับผู้ที่อ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรง โดยใช้โคกกระสุน กำลังวัวเถลิง กำลังเสือโคร่ง และเครือเขาแกบมาต้มกิน (เมล็ด)
2. ทั้งต้นและผลมีรสขมเผ็ด เป็นยารสสุขุม ออกฤทธิ์ต่อปอดและตับ ใช้เป็นยาแก้อาการหน้ามืดวิงเวียนศีรษะ แก้ปวดศีรษะ (ทั้งต้น)
3. ผลใช้เป็นยาลดความดันโลหิตสูง แก้ตาแดง น้ำตาไหลมาก ด้วยการใช้ผลโคกกระสุน 15 กรัม, เก๊กฮวย 20 กรัม, ชุมเห็ดเทศ 30 กรัม และชะเอม 6 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือจะใช้ผลแห้งเพียงอย่างเดียวก็ได้ โดยนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาลดความดันโลหิต (ผล)
4. ทั้งต้นมีรสเค็มขื่นเล็กน้อย ใช้เป็นยาแก้ไข้ทับระดู (ทั้งต้น)
5. ใช้เป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ หลอดลมอักเสบ (ทั้งต้น)
6. ช่วยทำให้ตาสว่าง (ทั้งต้น)
7. ใช้เป็นยารักษาอาการอักเสบในช่องปาก (ทั้งต้น)
8. ใช้เป็นยาแก้ปวดฟัน ด้วยการใช้รากนำมาฝนกับน้ำ แล้วนำมาถูกับฟันที่มีอาการปวด (ราก)
9. เมล็ดใช้เป็นยาแก้ผอมแห้ง (เมล็ด) ทั้งต้นใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้นิ่ว แก้ปัสสาวะพิการ (อาการปัสสาวะปวดหรือกะปริดกะปรอย หรือขุ่นข้น ปัสสาวะเป็นสีเหลืองเข้มหรือ
    มีเลือด) ส่วนตำรับยาแก้ปัสสาวะขัดอีกตำรับจะใช้โคกกระสุนทั้งต้นนำมาผสมกับหญ้าแพรกทั้งต้น อ้อยดำทั้งต้น และแห้วหมูทั้งต้น นำมาต้มกับน้ำ 3 ส่วน เอา 1 ส่วน ใช้กิน
    ครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 3 เวลา (ทั้งต้น) นอกจากนี้ ผลก็มีสรรพคุณเป็นยาแก้นิ่วได้ด้วยเช่นกัน (ผล)
10. ใช้เป็นยาขับระดูขาวของสตรี (ผลแห้ง, ทั้งต้น)
11. ผลแห้งใช้ต้มกับน้ำดื่ม จะช่วยทำให้คลอดบุตรได้ง่ายขึ้น (ผลแห้ง)
12. ใช้เป็นยารักษาหนองใน (ผลแห้ง, ทั้งต้น)
13. ใช้เป็นยาระงับน้ำกามเคลื่อน (ทั้งต้น)
14. ใช้เป็นยารักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ช่วยกระตุ้นกำหนัด ส่งเสริมระบบสืบพันธุ์ ช่วยบำรุงน้ำอสุจิของเพศชาย ด้วยการใช้เมล็ดแก่นำมาตากให้แห้งแล้วบดให้
      เป็นผง ใช้กินครั้งละประมาณ 1 ช้อนชา โดยกินกับน้ำผึ้งวันละ 2 เวลา เช้าและเย็น (เมล็ด)
15. ผลแห้งใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาบำรุงตับ ไต กระดูก และสายตา (ผลแห้ง) หรือจะใช้ทั้งต้นจำนวน 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 3 แก้ว แล้วต้มให้เหลือ 1 แก้ว กรองเอาแต่น้ำยา
      มาดื่มครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้าและเย็นก็ได้เป็นยาบำรุงไต (ทั้งต้น)
16. ใช้เป็นยากระจายลมในตับ กล่อมตับ (ทั้งต้น)
17. ใช้เป็นยารักษาโรคไตพิการ หรือโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ และมักจะมีอาการท้องอืด กินอาหารไม่ได้ (ทั้งต้น)
18. ผลใช้เป็นยาฝาดสมาน (ผล)
19. ใช้เป็นยาขับลมในใต้ผิวหนัง แก้คันตามตัว แก้ผดผื่นคัน และลมพิษ (ทั้งต้น)
20. ตำรับยาแก้ผดผื่นคัน ระบุให้ใช้ต้นแห้ง 100-120 กรัม, เมล็ดปอ 60 กรัม, ดอกสายน้ำผึ้ง 40 กรัม และคราบจักจั่น 30 กรัม นำมาบดให้เป็นผงทำเป็นยาลูกกลอนรับประทาน
      (ต้น)
21. ใช้เป็นยาแก้อาการปวดเมื่อย อ่อนเพลียเรื้อรัง ด้วยการใช้โคกกระสุนทั้งต้น 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 3 แก้ว จนเหลือ 1 แก้ว แล้วกรองเอาแต่น้ำยามาดื่มครั้งละครึ่งแก้ว
      วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้าและเย็น (ทั้งต้น)
22. ผลแห้งใช้ต้มกับน้ำเป็นยาช่วยป้องกันอาการชักบางประเภทได้ (ผลแห้ง)
23. นอกจากนี้โคกกระสุนยังจัดอยู่ในตำรับยาแก้กษัยอีกด้วย (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)

ขนาดและวิธีใช้ :
        การใช้ตาม [4] ยาแห้งให้ใช้ครั้งละประมาณ 6-10 กรัม นำมาต้มรับประทาน หรือใช้ร่วมกับตัวยาอื่น ๆ ในตำรับยา หรือใช้ทำเป็นยาเม็ดหรือยาผงรับประทานก็ได้ ส่วนต้นสดให้ใช้ประมาณ 10-20 กรัม แต่หากนำมาใช้ภายนอกให้ใช้ต้นสดตำพอกบริเวณที่เป็น

ข้อควรระวัง :
         ผู้ที่มีเลือดน้อย เป็นโลหิตจาง มีพลังหย่อน สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร ห้ามรับประทานสมุนไพรชนิดนี้ และควรระวังในการใช้กับผู้ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ เนื่องจากสารสกัดได้มีโพแทสเซียมสูง ทำให้หัวใจเต้นเร็วและอาจทำให้หัวใจวายได้

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของโคกกระสุน
1. สารที่พบ ได้แก่ สารจำพวก Flavonoid glycoside, Kaempferitrin, Kaempferide, Kaempferol-3-glucoside, Tribuloside, Potassium เมล็ดพบสาร Harman,
    Harmine ใบและรากพบ Alkaloid, Diosgenin, Gitogenin, Chlorogenin Harmol เป็นต้น
2. ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่พบ ได้แก่ ฤทธิ์ลดความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด ขับปัสสาวะ ละลายก้อนนิ่วในไต ลดการอักเสบ ต้านเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย
3. เมื่อใช้สารจากโคกกระสุนที่สกัดได้ด้วยแอลกอฮอล์ นำมาทดลองในสัตว์พบว่า สามารถลดความดันโลหิตของสัตว์ทดลองได้เล็กน้อย
4. สารที่สกัดได้จากโคกกระสุนด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำยาที่ต้มได้จากโคกกระสุน มีฤทธิ์เป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ และยับยั้งอาการหืดหอบได้ โดยเฉพาะกับการรักษาอาการไอ
    จะมีประสิทธิภาพการรักษาดีมาก
5. ยาชงจากทั้งต้นมีฤทธิ์เพิ่มปริมาณของปัสสาวะ ในคนที่มีสุขภาพปกติจะพบว่ามีฤทธิ์ขับปัสสาวะและทำให้สูญเสียเกลือแร่น้อยกว่ายาขับปัสสาวะไฮโดรคลอโรไทอาไซด์
6. จากการทดสอบความเป็นพิษ ด้วยการฉีดสารสกัดจากต้นด้วย 95% เอทานอล เข้าช่องท้องของหนูขาว แล้วทำให้สัตว์ทดลองตายครึ่ง คือ 56.42 กรัมต่อกิโลกรัม
7. เมื่อปี ค.ศ.2006 ประเทศจีน ได้ทดลองในกระต่ายจำนวน 50 ตัว โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม โดยให้อาหารแก่กระต่ายเพื่อให้กระต่ายอ้วนนาน 4 สัปดาห์ และกระต่ายกลุ่มที่ 1
    เป็นกลุ่มควบคุม กลุ่มที่ 2 ให้สารสกัดโคกกระสุนในขนาดต่ำ และกลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มที่ให้สารสกัดโคกกระสุนในขนาดสูง ภายหลังการทดลอง 2 สัปดาห์ ตรวจระดับ
    คอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ในกระต่าย พบว่ากระต่ายกลุ่มที่ 2 และ 3 มีระดับไขมันในเลือดลดลง P < 0.05

ประโยชน์ของโคกกระสุน
1. โคกกระสุนในวงการกีฬา สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างมวลกล้ามเนื้อและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับนักกีฬาได้ อีกทั้งยังช่วยผ่อนคลายความเครียด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ
    ร่างกายในการสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง เพิ่มสมรรถภาพของนักกีฬา ทำให้นักกีฬามีศักยภาพของร่างกายที่พร้อมสำหรับการแข่งขันกีฬามากขึ้น
2. ช่วยเสริมสร้างฮอร์โมนเจริญพันธุ์ทั้งเพศชายและเพศหญิง ช่วยให้รอบการตกไข่ของผู้หญิงเป็นปกติ ซึ่งนำไปสู่การช่วยทำให้มีบุตรได้ง่ายขึ้น ช่วยลดอาการก่อนและ
    ระหว่างมีประจำเดือนของผู้หญิง ช่วยให้อาการวัยทองในผู้หญิงลดลง ช่วยลดอาการซึมเศร้า วิตกกังวล และนอนไม่หลับให้ลดน้อยลงได้ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มระดับ
    ฮอร์โมนเพศชาย ช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศทั้งชายและหญิง จากการศึกษาวิจัย โดยให้อาสาสมัครชายทดลองใช้โคกกระสุน 750 มิลลิกรัมติดต่อกัน 5 วัน ผลการ
    ทดลองพบว่า ระดับเทสโทสเตอโรนของทุกคนเพิ่มสูงขึ้น และผลการทดลองยังพบว่าโคกกระสุนมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบสืบพันธุ์ ทำให้อสุจิเคลื่อนตัวได้ดีขึ้น
    และช่วยเพิ่มจำนวนสารคัดหลั่งและกระตุ้นความตื่นตัวทางเพศ

คำสำคัญ : โคกกระสุน

ที่มา : https://medthai.com/

รวบรวมและจัดทำข้อมูล : กาญจนา จันทร์สิงห์


สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มาหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร. (2563). โคกกระสุน. สืบค้น 30 เมษายน 2567, จาก https://arit.kpru.ac.th/ap2/local/?nu=pages&page_id=1676&code_db=610010&code_type=01

Facebook Twitter LINE Linkedin

PDF

https://arit.kpru.ac.th/ap2/local/?nu=pages&page_id=1676&code_db=610010&code_type=01

Google search

Mic

กวาวเครือแดง

กวาวเครือแดง

กวาวเครือแดงเป็นไม้ที่ชอบขึ้นตามภูเขาสูง และในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ แต่ในปัจจุบันหาได้ยาก เพราะมีไม่มากเท่ากวาวเครือขาว กวาวเครือแดงเป็นสมุนไพรในตำรายาไทยมีสรรพคุณมากมาย ได้แก่ หัวช่วยบำรุงเนื้อหนังให้เต่งตึง บำรุงสุขภาพ แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย ทำให้หน้าอกโต บำรุงความกำหนัด ราก แก้ลมอัมพาต แก้โลหิต จัดเป็นสมุนไพรสำหรับเพศชายอย่างแท้จริง เพราะมีสรรพคุณในการบำรุงร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ และที่สำคัญที่สุดยังช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ

เผยแพร่เมื่อ 25-02-2017 ผู้เช้าชม 2,756

เห็ดฟาง

เห็ดฟาง

สำหรับเห็ดฟางนั้นเรียกได้ว่าเป็นเห็ดยอดนิยมชนิดหนึ่งของคนไทยเลยก็ว่าได้ ซึ่งจะเห็นได้จากอาหารในหลากหลายเมนูที่มักจะมีเห็ดฟางเป็นส่วนประกอบอยู่อย่างแพร่หลาย และเห็ดฟางนี้ยังสามารถหาซื้อมารับประทานหรือประกอบอาหารได้ง่ายตามท้องตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ โดยมีทั้งเห็ดฟางแบบสด และบรรจุกระป๋อง หรืออบแห้ง ซึ่งจะเห็นได้ว่าเห็ดฟางนั้นเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

เผยแพร่เมื่อ 12-05-2020 ผู้เช้าชม 3,944

ต้นแดง

ต้นแดง

ต้นแดง (Iron wood) หรือที่รู้จักกันว่า ไม้แดง จัดเป็นไม้ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของไทย มีชื่อเรียกท้องถิ่นหลากหลายชื่อได้แก่ แดง จะลาน จาลาน ตะกร้อม ผ้าน คว้าย ไคว เพร่ เพ้ย เป็นต้น จัดเป็นพันธุ์ไม้ตระกูลเดียวกับกระถิน ชะเอมไทย สะตอ ไมยราบ ฯลฯ มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย

เผยแพร่เมื่อ 23-02-2017 ผู้เช้าชม 1,798

แสลงใจ

แสลงใจ

ต้นแสลงใจ จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีความสูงได้ประมาณ 30 เมตร บ้างว่าสูงได้ประมาณ 10-13 เมตร เปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลปนเทาและมีรูตาตามเปลือก กิ่งก้านเงามัน ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและการตอน เป็นพรรณไม้กลางแจ้ง เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีความชื้นอยู่ด้วย ในประเทศเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาค (ยกเว้นภาคใต้) ตามป่าเบญจพรรณหรือป่าเต็งรัง

เผยแพร่เมื่อ 28-05-2020 ผู้เช้าชม 4,430

กะสัง

กะสัง

ต้นกระสังเป็นไม้ล้มลุก สูง 15-30 ซม. ลำต้น และใบอวบน้ำ ใบกระสังเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปหัวใจ ปลายแหลม โคนเว้าตื้นๆ ขอบเรียบ มีต่อมโปร่งแสง ช่อดอกออกที่ข้อตรงข้ามกับใบ เรียงโค้งขึ้น ประกอบด้วยดอกเล็กๆ ที่ไม่มีก้านดอกจำนวนมากเวียนรอบแกน ดอกกระสังเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ไม่มีทั้งกลีบเลี้ยง และกลีบดอก มีใบประดับดอกละ 1 ใบ มีเกสรเพศผู้ 2 อัน อยู่ข้างๆ รังไข่ อับเรณูสีขาว ก้านชูอับเรณูสั้น เกสรเพศเมีย 1 อัน รังไข่รูปกลม อยู่เหนือฐานดอก ผลกระสังลักษณะกลม มี 1 เมล็ด

เผยแพร่เมื่อ 18-05-2020 ผู้เช้าชม 7,571

ผักกูด

ผักกูด

ต้นผักกูด จัดเป็นเฟิร์นขนาดใหญ่ที่มีเหง้าตั้งตรง และมีความสูงมากกว่า 1 เมตรขึ้นไป เหง้าปกคลุมไปด้วยใบเกล็ด เกล็ดมีขนาดกว้างประมาณ 1 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 1 เซนติเมตร เกล็ดมีสีน้ำตาลเข้มถึงสีดำ ขอบใบเกล็ดหยักเป็นซี่ โดยเฟิร์นชนิดนี้มักจะขึ้นหนาแน่นตามชายป่าที่มีแดดส่องถึง ในบริเวณที่ลุ่มชุ่มน้ำ ตามริมลำธาร บริเวณต้นน้ำ หนองบึง ชายคลอง ในที่ที่มีน้ำขังแฉะและมีอากาศเย็น รวมไปถึงในพื้นที่เปิดโล่ง หรือในที่ที่มีร่มเงาบ้าง และจะเจริญเติบโตได้ดีบริเวณที่ชื้นแฉะ มีความชื้นสูง เติบโตในช่วงฤดูฝน ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เหง้า ใช้สปอร์หรือไหล มีเขตการกระจายพันธุ์อยู่ในเขตร้อนทั่วไปของเอเชีย ส่วนในประเทศไทยบ้านเราจะพบผักกูดได้ทั่วไปแทบทุกภูมิภาคในที่มีสภาพดินไม่แห้งแล้ง

เผยแพร่เมื่อ 10-07-2020 ผู้เช้าชม 10,073

บัวเผื่อน

บัวเผื่อน

บัวเผื่อน เป็นพันธุ์ไม้น้ำคล้ายบัวสาย เป็นพืชที่มีอายุหลายปี มีเหง้าและไหลอยู่ใต้ดิน ส่วนใบและดอกจะขึ้นอยู่บนผิวน้ำ ขยายพันธุ์ด้วยการใช้หน่อหรือเหง้า และใช้เมล็ด พบกระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย โดยสามารถพบได้ตามหนองน้ำ บึงคลอง ริมแม่น้ำที่มีกระแสน้ำอ่อน และขอบพรุ ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกันเป็นกลุ่ม แผ่นใบลอยอยู่บนผิวน้ำ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กว้าง ปลายใบทู่ถึงกลมมน ส่วนโคนเว้าลึก ขอบใบเรียงถึงหยักตื้น ๆ ใบมีความกว้างและยาว แผ่นใบสีเขียว ท้องใบสีเขียวอ่อนจนถึงสีม่วงจาง ผิวใบเกลี้ยง มีเส้นใบราว 10-15 เส้น แยกจากจุดเชื่อมกับก้านใบ ส่วนก้านใบมีความสั้นยาวไม่แน่นอน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความลึกของน้ำเป็นหลัก 

 

เผยแพร่เมื่อ 02-06-2020 ผู้เช้าชม 7,436

จิก

จิก

จิก (Indian oak) เป็นพืชสมุนไพรจำพวกต้น ที่มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นต่างๆ เช่น ภาคใต้เรียก จิกนา ส่วนหนองคายเรียก กระโดนน้ำ หรือกระโดนทุ่ง ภาคเหนือเรียก ดอง และเขมรเรียก เรียง เป็นต้น มักขึ้นในพื้นที่ชุ่มน้ำ ทนต่อภาวะน้ำท่วมขังได้เป็นอย่างดี ส่วนใหญ่มักนำไปต้นจิกนี้ไปปลูกอยู่ริมน้ำหรือในสวน ด้วยเพราะมีช่อดอกที่มีสวยงามมองแล้วสดชื่น

เผยแพร่เมื่อ 08-05-2020 ผู้เช้าชม 2,856

งาดำ

งาดำ

งาดำ (Black Sesame Seeds) เป็นพืชสมุนไพรจำพวกต้น งาดำอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณประโยชน์สูงมากๆ อย่าง เซซามิน (Sesamin) ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระรวมทั้งวิตามินมากมายหลากหลายชนิดเลยทีเดียว ที่ช่วยเสริมการทำงานของระบบต่างๆ ที่สำคัญในร่างกายของเรา รวมทั้งช่วยบำรุงเซลล์ผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ช่วยให้ผมดกดำ ตลอดจนทำให้ระบบหัวใจแข็งแรง

เผยแพร่เมื่อ 30-04-2020 ผู้เช้าชม 5,873

พญาไร้ใบ

พญาไร้ใบ

พญาไร้ใบ จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีความสูงของต้นประมาณ 4-7 เมตร ลำต้นแตกกิ่งก้านสาขามาก ดูคล้ายกับปะการัง เปลือกลำต้นแก่เป็นสีน้ำตาลเข้ม ไม่มีหนาม ส่วนกิ่งอ่อนเป็นรูปทรงกระบอกเป็นสีเขียวเรียบเกลี้ยง อวบน้ำ เมื่อหักหรือกรีดดูจะมีน้ำยางสีขาวข้นออกมาจำนวนมาก ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ดและการตัดชำ ชอบดินร่วน ระบายน้ำได้ดี และมีแสงแดดตลอดวัน มักพบขึ้นตามป่าเบญจพรรณ โดยจะออกดอกและติดผลในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤศจิกายน 

เผยแพร่เมื่อ 16-07-2020 ผู้เช้าชม 25,617