เจ้าพ่อแห่งลานทุ่งเศรษฐี
เผยแพร่เมื่อ 15-08-2019 ผู้ชม 29,420
[16.4821705, 99.5081905, เจ้าพ่อแห่งลานทุ่งเศรษฐี]
ในปัจจุบันนี้เหนือลำน้ำแม่ปิงขึ้นไปบนฝั่งนครชุมวัดที่จะยังคงอยู่ก็แต่ วัดพระบรมธาตุ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดพระเครื่องกรุแรกเท่านั้น และจากคราวท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ได้อ่านศิลาจารึกและพ่อเมืองกำแพงเพชรได้ไปสำรวจพบพระเจดีย์จน พระยาตะก่า และ พระโป้ ได้ขอบูรณปฏิสังขรณ์เสียใหม่ในครั้งนั้นนั่นเอง เมื่อทำการรื้อเจดีย์ก็ได้พบพระพุทธรูปและพระเครื่องมากมายอยู่ในเจดีย์นั้นทั้งยังเป็นที่ประจักษ์อีกว่า ผู้สร้างพระเจดีย์ทั้ง 3 องค์นั้น ได้เป็นผู้นำพระบรมธาตุจากลังกามาบรรจุไว้อีกด้วย นั่นก็คือ พระมหาธรรมราชาลิไทย กษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัยนั่นเอง พระเครื่องที่พบทั้งหมดจาการปฏิสังขรณ์คราวนั้นจึงมีอายุ 600 กว่าปีขึ้นไป ส่วนพระเครื่องที่ขึ้นจากกรุวัดพระบรมธาตุครั้งนั้นก็มี พระซุ้มกอ, พระเม็ดขนุน, พระพลูจีบ, พระซุ้มยอ พระเชยคางข้างเม็ด,พระท่ามะปราง, พระฝักดาบเนื้อว่านหน้าทอง-เงิน, พระกำแพงขาโต๊ะ, พระกำแพงขาว, พระนาคปรก, พระเม็ดมะรื่น,พระนางพญากำแพง, พระกลีบบัว, พระกำแพงห้าร้อย, พระกำแพงเรือนแก้ว, พระเปิดโลก, พระกลีบจำปา, พระเม็ดมะเคล็ด, พระสาม, พระเชตุพน, พระงบน้ำอ้อย, และพิมพ์อื่น ๆ มากกว่าร้อยพิมพ์ทีเดียว ทั้งนี้ยังปรากฏว่าพระแผงเช่นพระนารายฯทรงปืน, พระซุ้มกระรอกกระแต, พระสาม พระปางมหาปาฏิหาริย์ ก็ได้รวมอยู่ในกรุนี้ขึ้นมาอีด้วยเช่นกัน
จากการอ่านศิลาจารึก ที่วัดเสด็จจนเป็นผลให้นำไปสู่กรุพระเครื่องมหึมาและได้พบพระบรมธาตุด้วยแล้ว ยังได้พบแผ่นลานเงินจารึกอักษรขอม เป็นตำนานกล่าวไว้ว่า ตำบลเมืองพิษณุโลก, เมืองกำแพงเพชร, เมืองพิชัย, เมืองพิจิตร, เมืองสุพรรณ, ว่ามีฤาษี 11 ตน ฤาษีเป็นใหญ่ 3 ตน ฤาษีพิลาลัยตนหนึ่ง ฤาษีตาไฟตนหนึ่ง, ฤาษีตาวัวตนหนึ่ง ซึ่งเป็นประธานฤาษีทั้งหลาย จึงปรึกษากันว่าเราทั้งหลายนี้จะเอาอันใดให้แก่พระศรีธรรมาโศกราช ฤาษีทั้ง 3 จึงว่าแก่ฤาษีทั้งปวงว่าเราจำทำด้วยฤทธิ์ ทำด้วยเครื่องประดิษฐานเงินทองไว้ฉะนี้ ฉลองพระองค์จึงทำเป็นเมฆพัตรอุทุมพร เป็นมฤตย์พิศย์อายุวัฒนะ พระฤาษีประดิษฐ์ไว้ในถ้ำเหวใหญ่น้อย เป็นอานุภาพแก่มนุษย์ทั้งหลายสมณชีพราหมณาจารย์ไปถ้วนทั่ว 5000 พรรษา พระฤาษีองค์หนึ่งจึงว่าแก่ฤาษีทั้งปวงว่าท่านจงไปเอาว่านทั้งหลายอันมีฤทธิ์เอามาให้ได้ 1000 เก็บเอาเกสรดอกไม้อันวิเศษที่มีกฤษณาเป็นอาทิจึงป่าวร้อยเทวดาทั้งปวงให้มาช่วยกันบดยา ทำเป็นพระพิมพ์ไว้สถานหนึ่งทำเป็นเมฆพัตรสถานหนึ่ง ฤาษีทั้ง 3 องค์นั้นจึงบังคับฤาษีทั้งปวงให้เอาว่านทำเป็นผงเป็นก้อน ถ้าผู้ใดได้ถวายพระพรแล้วจึงเอาไว้ใช้ตามอานุภาพเถิด ให้ระลึกถึงพระฤาษีที่ทำไว้นั้นเถิด ฯลฯ ยังมีข้อความที่พระฤาษีได้กล่าวอุปเท่ห์ไว้อีกมาก ถ้าหากท่านได้ทราบเรื่องราวข้อความจารึกจากแผ่นลานทองที่ได้จากพระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณแล้ว บางท่านก็อาจจะสงสัยว่า ข้อความที่แปลจากใบลานทองดังกล่าว กับใบที่พบจากกรุพระปรางค์เมืองสุพรรณนั้น ช่างมีข้อความที่ออกจะไม่ต่างไปกว่ากันเลยละก้อ ขอให้นึกเสียว่า นั่นเป็นเรื่องราวที่ต่างก็ เล่ากันว่า... แล้วก็ยังมีการคัดลอกข้อความกันต่อ ๆ มาอีกเป็นทอด ๆ โดยจะจริงเท็จประการใดก็หาหลักฐานมาพิสูจน์ไม่ได้เลย จากเรื่องราวดังได้กล่าวไปแล้ว จึงพอสรุปได้ว่าพระเครื่องในสกุลทุ่งเศรษฐีที่กำเนิดขึ้นระยะแรก โดยพระมหาธรรมาราชาลิไทยเป็นผู้สร้างไว้นั้น เมื่อ พ.ศ. 2524นี้แล้ว พระทุ่งเศรษฐีซึ่งพบครั้งแรกที่วัดพระบรมธาตุนั้น บัดนี้ได้แตกกรุออกมาเป็นเวลาถึง 132 ปีแล้ว และนับตังแต่ปีที่ได้สร้างพระ พ.ศ. 1900 พระทุ่งเศรษฐีกรุปฐมฤกษ์ก็จะมีอายุถึง 624 ปีแล้วด้วยเช่นกัน
พิมพ์เล็ก พระซุ้มกอพิมพ์เล็กนับว่าเป็นพระเครื่องที่ค่อนข้างมีมากกว่าทุก ๆ พิมพ์ทีเดียว ความหนาบางองค์พระก็จะไม่มาตรฐานอีกเช่นกัน ทั้งในด้านความงาม หรือขอบข้างหรือด้านหลัง ก็จะปรากฏ เช่นเดียวกับพระซุ้มกอพิมพ์กลางทุกอย่าง ขนาดวัดได้ประมาณ 1.5 คูณ 2.2 ซ.ม.
2. พระซุ้มกอพิมพ์ ขนมเปี้ย พิมพ์ขนมเปี้ยดังกล่าวนี้ เป็นพระซุ้มกออีกพิมพ์หนึ่งที่ให้แบบ คล้ายกับพระงบน้ำอ้อย แต่จะเล็กกว่า ลักษณะทำเป็นพิมพ์กลม ๆ ด้านหลังอูมนูนและมีลายมือปรากฏด้วย ส่วนด้านข้างจะโค้งทรงกลมโดยไม่มีรอยตัดเลย พระพิมพ์นี้ความจริงแล้วก็คือ พระซุ้มกอพิมพ์กลาง หรือ พิมพ์เล็ก นั่นเอง จะผิดกันก็ตรงที่มีปีกยื่นออกเป็นวงกลม นักเลงพระยุคโน้นเห็นพิมพ์ท่านอยู่ในลักษณะเช่นนั้นครั้นจะเรียกว่า ซุ้มกอพิมพ์งบน้ำอ้อย ฟัง ๆ ดูก็จะไปจ๊ะเอ๋กับพิมพ์จริง ๆ เข้า ทั้งยังเป็นพระเครื่องคนละสกุลกันอีกด้วย ดังนั้นจากความกลมของพระซุ้มกอพิมพ์นี้จึงได้ถูกเรียกกันต่อมา โดยไม่ซ้ำกับพิมพ์งบน้ำอ้อยว่า พิมพ์ขนมเปี้ย เพราะขนมเปี้ยนั้นเขาก็กลมอยู่แล้วเช่นกัน พระซุ้มกอ พิมพ์ขนมเปี้ย นี้ ได้แยกขนาดออกเป็น 2 แบบด้วยกันคือ พิมพ์ใหญ่ พระพิมพ์ใหญ่ซุ้มกอขนมเปี้ยนี้ ความจริงก็คือ พระซุ้มกอพิมพ์กลางและพิมพ์ธรรมดา ๆ เรานี่เอง จะผิดก็ตรงที่มีปีกวงกลมแผ่ออกไป โดยจะมีพระลอยองค์ตรงกลางเท่านั้นเอง ขนาดพิมพ์ใหญ่นี้เส้นผ่าศูนย์กลางวัดได้ประมาณ 2.5 ซ.ม. พิมพ์เล็ก สำหรับพระซุ้มกอขนมเปี้ยเล็กนี้ ค่อนข้างจะหายากสักหน่อย จะสังเกตองค์พระได้โดยจะเล็กกว่าพิมพ์ใหญ่ ส่วนปีกที่ยื่นออกเป็นทรงกลมนั้นจะไม่กลมทีเดียวทั้งขอบข้างบางองค์ก็จะเว้าแหว่งเป็นคลื่นด้วย ขนาดพระพิมพ์เล็กนี้เส้นผ่าศูนย์กลางวัดได้ประมาณ 1.7 ซ.ม. เท่านั้น
3. พระซุ้มกอดำ ถัดจากพระซุ้มกอพิมพ์ขนมเปี้ยผ่านไปแล้วคราวนี้ก็มาถึงเรื่องพิมพ์ซุ้มกอดำกันบ้าง พระพิมพ์นี้ พิมพ์ ค่อนข้างจะแหวกแนวไปมากอยู่แต่พุทธลักษณะของท่านจะเหมือนกับพระซุ้มกอพิมพ์ใหญ่ชนิดที่มีลายกนกทุกอย่าง จะผิดก็แต่ตัดกนกด้านข้าง กับบัวเล็บช้างใต้ฐานประทับออกจนหมด พระซุ้มกอดำ จึงมีแต่พระประทับนั่งปางสมาธิบนฐานเชียง โดยมีปีกโค้งเว้า รองรับไว้กับมีประภามณฑลล้อมรอบพระเศียรไว้ด้วยพระพักตร์ค่อนข้างป้อม พระอุระจะผึ่งผายเข้มข้นกว่าพิมพ์นิยมชนิดมีลายกนกเอามากทีเดียว ด้วยเหตุนี้เองเราจึงต้องยกให้ พระซุ้มกอดำ นี้ เป็นพระเครื่องศิลปะ วัดตระกวน ซึ่งเป็นยอดศิลปะชั้นหนึ่งของสมัยสุโขทัยยุคต้น และก็เลยทำให้ผู้เขียนได้คิดไปอีกว่า พระซุ้มกอดำ พิมพ์นี้ น่าจะเป็นพระซุ้มกอพิมพ์ปฐมฤกษ์ที่กำเนิดขึ้นก่อนพระซุ้มกอชนิดที่มีลายกนกเสียมากกว่า เพราะต่อเมื่อภายหลังขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของสุโขทัยได้รุ่งโรจน์ขึ้นแล้ว ก็ย่อมเป็นของธรรมดาที่ ศิลปะจะต้องได้รับการพัฒนาให้อลังการยิ่งขึ้นไปด้วยเช่นกัน ถ้าหากเป็นเช่นนี้แล้ว จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า พระซุ้มกอชนิดที่มีลายกนกด้านข้างนั้น ที่จริงแล้วอาจเป็นพระเครื่องที่ช่างให้การพัฒนามาจาก พระซุ้มกอดำนั่นเอง และการที่เรียกว่า พระซุ้มกอดำ นั้น ก็เพราะเมื่อก่อนไม่ว่าจะขุดพระพิมพ์นี้ได้จากกรุใดในลานทุ่งเศรษฐีก็ตาม พระทุกองค์มักจะมีสีดำ ไปหมดพระซุ้มกอพิมพ์นี้จึงถูกขนานนามว่า พระซุ้มกอดำ โดยถือเอาสีมาเรียกเป็นชื่อตั้งแต่นั้นมา ออกจะหย่อนงามไปบ้างสำหรับพระซุ้มกอดำ เป็นที่รู้กันว่ากรุกำเนิดของพระซุ้มกอดำ และพระซุ้มกอชนิดที่มีลายกนกมากแบบนั้น ต่างก็ขึ้นจากกรุ วัดพระบรมธาตุ เป็นปฐมฤกษ์ด้วยกันทั้งนั้น พระซุ้มกอดำ ที่จัดว่างามผึ่งผายและเป็นที่นิยมกันมาก ก็เห็นจะได้กับพระซุ้มกอดำของ กรุวัดพิกุล ภายหลังต่อมาก็ได้มีผู้พบพระซุ้มกอดำพิมพ์นี้อีกที่กรุตาพุ่ม และ กรุวัดน้อย แต่ก็ได้เพียง 10 กว่าองค์เท่านั้น โดยองค์พระจะเล็กกว่าของกรุวัดพิกุล ทั้งเนื้อก็จะออกสีดำอมน้ำตาลเป็นส่วนมากด้วย
5. พระซุ้มกอ เนื้อชิน พระซุ้มกอชนิดเนื้อชินดังกล่าวนี้ นับเป็นพระอีกพิมพ์หนึ่งที่หายากกว่าชนิดเนื้อผงเสียอีก ความแตกต่างของพระซุ้มกอชนิดเนื้อชินเงินนี้ ยังแยกพิมพ์ออกได้เป็น 3 ขนาดดังนี้
พิมพ์กลาง ดูกันในด้านความงามแล้ว พระซุ้มกอชนิดเนื้อชินพิมพ์นี้ จะงามกว่าชนิดเนื้อผงพิมพ์กลางมาก แต่ความตื้นและขนาดยังคงเท่ากัน ส่วนด้านหลังจะเป็นลายผ้าและต้นปาดราบก็มี
พิมพ์เล็ก ในด้านความงามสำหรับพิมพ์นี้จะดีกว่าชนิดเนื้อผง แต่ขนาดจะเท่ากัน นอกจากนั้นทุก ๆ อย่างของพระซุ้มกอชนิดเนื้อชินพิมพ์เล็กนี้ จะมีเหมือนกับพระซุ้มกอเนื้อชินพิมพ์กลางทุกอย่าง
พระซุ้มกอ หรือเจ้าพ่อแห่งลานทุ่งเศรษฐีเป็นยอดพระเครื่องอันดับนำของจังหวัดกำแพงเพชรที่ใครได้ไว้บูชาติดตัวแล้ว นับว่าเป็นสิริมงคลให้กับตัวเอง เพชรนพเก้า ทองคำมากมาย แก้วแหวนเงินทองค่าล้นปานใดก็ตาม บางครั้งก็หาเปรียบได้กับ พระซุ้มกอ ซึ่งสูงทั้งค่าและมีประสิทธิภาพซึ่งมนุษย์ไม่อาจเนรมิตได้ การมีชีวิตเพื่ออยู่ของท่านและสร้างแต่กรรมดีแล้ว หมั่นระลึกถึงบาปบุญคุณโทษใส่ใจในทั้งสามโลก แล้วพระซุ้มกอ ย่อมคุ้มครองท่านได้เสมอ และสิ่งที่น่าอิจฉาสำหรับผู้มีพระพิมพ์นี้ยิ่งขึ้นก็คือ ท่านจะอยู่อย่างคนมีโชคตลอดเวลาทีเดียว
คำสำคัญ : พระเครื่อง, พระซุ้มกอ
ที่มา : http://www.dopratae.com/บทความ/เจ้าพ่อแห่งลานทุ่งเศรษฐี/117/
รวบรวมและจัดทำข้อมูล : กาญจนา จันทร์สิงห์
สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มาหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร. (2562). เจ้าพ่อแห่งลานทุ่งเศรษฐี. สืบค้น 29 เมษายน 2567, จาก https://arit.kpru.ac.th/ap2/local/?nu=pages&page_id=1153&code_db=610005&code_type=01
Google search
การพิจารณาพระเนื้อดินก็พอๆ กับพระเนื้อชิน กล่าวคือต้องจดจำพุทธลักษณะรูปพิมพ์ของพระแต่ละกรุให้มากเป็นหลัก ให้พิจารณาว่าพระกรุนี้เป็นอย่างนี้ และพระกรุนั่นเป็นอย่างนั้น เป็นต้น ผิวของพระเครื่องเนื้อดิน พระส่วนมากเมื่อขึ้นจากกรุจะจับเกือบติดแน่นกับองค์พระหนามาก ขนาดนำมาล้างและขัดปัดแล้วก็ยังไม่เป็นเนื้อพระ และส่วนมากคราบกรุจะเคลือบติดแน่นอยู่ตามซอกขององค์พระเครื่องโดยธรรมชาติ จะแตกต่างกับคราบที่เลียนแบบใช้ดินใหม่ป้ายติดเฉพาะบนผิวจะไม่แน่นเหมือนคราบธรรมชาติ บางกรุองค์พระจะไม่มีคราบกรุก็มี
เผยแพร่เมื่อ 14-08-2019 ผู้เช้าชม 9,081
พระลีลากล้วยปิ้ง กรุผู้ใหญ่เชื้อ จังหวัดกำแพงเพชรพระลีลากรุผู้ใหญ่เชื้อ องค์นี้สภาพสวยคมชัดลึก ดินกรุยังติดอยู่พอมองเห็นเนื้อพระ พระเนื้อแกร่งแห้ง พระกรุนี้เนื้อจะหยาบ ราคาจึงถูกทั้งที่แตกกรุในเขตนครชุมเหมือนกับพระกรุอื่นๆ
เผยแพร่เมื่อ 22-02-2017 ผู้เช้าชม 5,142
จำนวนกรุต่างๆ ในจังหวัดกำแพงเพชร มีทั้งหมดประมาณไม่ต่ำกว่า 50 กรุ ส่วนฝั่งซ้ายซึ่งเป็นที่ตั้งของอำเภอเมือง และเป็นเขตอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร รวมทั้งพระราชวังเก่าที่มีวัดพระแก้วอยู่ภายในด้วยรวมเรียกว่ากรุเมือง มีจำนวนประมาณ 20 กรุ ซึ่งมีกรุเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี เช่น กรุวัดพระแก้ว กรุวัดพระธาตุ กรุวัดป่ามืด กรุวัดช้างล้อม และกรุวัดนาคเจ็ดเศียร เป็นต้น ทั้งนี้เมื่อปี 2392 เจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์โตแห่งวัดระฆังฯ ได้ไปเยี่ยมญาติที่เมืองกำแพงเพชร ได้พบศิลาจากรึกที่วัดเสด็จ จึงทราบว่ามีพระเจดีย์ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำปิง ฝั่งเมืองนครชุมเก่า ท่านจึงได้ดำริให้เจ้าเมืองออกสำรวจแล้วก็พบเจดีย์ อยู่ 3 องค์ อยู่ใกล้ๆ กัน แต่ชำรุดมาก จึงได้ชักชวนให้เจ้าเมืองทำการรื้อพระเจดีย์เก่าทั้ง 3 องค์ รวมเป็นองค์เดียวกัน แต่เมื่อรื้อถอนแล้วจึงได้พบพระเครื่องสกุลกำแพงเพชรเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์และแตกหักตามสภาพกาลเวลา ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์โตท่านเห็นว่าเศษพระที่แตกหักนั้นยังมีพุทธคุณอยู่ท่านจึงได้นำกลับมายังวัดระฆังจำนวนหนึ่งพร้อมกับเศษอิฐและเศษหิน และบันทึกใบลานเก่าแก่ที่ได้บันทึกเกี่ยวกับวิธีการสร้างพระสกุลกำแพงเพชร
เผยแพร่เมื่อ 15-08-2019 ผู้เช้าชม 10,151
ที่ตั้งกรุพระวัดพระนอน อยู่เหนือกรุพระวัดป่ามืดประมาณ 200 เมตร ประเภทพระที่พบ ได้แก่ พระลีลากำแพง พระร่วงนั่ง พระบรรทมศิลป์ พระสืบชาตินารายณ์แปลง พระเปิดโลก พระอู่ทองกำแพง พระสืบชาต และพิมพ์อื่นๆ
เผยแพร่เมื่อ 20-08-2019 ผู้เช้าชม 2,222
กรุที่พบหรือสถานที่พบพระพิมพ์นี้คือ บริเวณบ้านของครูกำยาน ตรงด้านใต้เชิงสะพานฝั่งตะวันตก ซึ่งรวมอยู่ฝั่งนครชุมของเมืองกำแพงเพชรนั่นเอง เป็นพระกรุพิมพ์หนึ่งที่มีศิลปะสมัยสุโขทัย บวกศิลปะกำแพงเพชรโบราณ พระกรุแตกเมื่อปี พ.ศ.2537 ได้พบพระพิมพ์ต่าง ๆ มากมาย มีทั้งพระเนื้อชินเงิน พระเนื้อดินเผา และพระพุทธรูปบูชา-เทวรูปศิลปะสมัยลพบุรีก็รวมอยู่ด้วย มีพระเครื่อง-พระบูชาหลายขนาด
เผยแพร่เมื่อ 22-02-2017 ผู้เช้าชม 10,385
พระซุ้มกอ พิมพ์ใหญ่ลายกนก กรุวัดพิกุล อมตะทั้งพุทธศิลป์ เปี่ยมล้นด้วยพุทธคุณ “มีกูแล้วไม่จน” โดย ไตรเทพ ไกรงูพระเครื่องสกุลกำแพงเพชร ปรากฏหลักฐานชัดเจนจากการพบจารึกบนแผ่นลานเงินในกรุขณะรื้อพระเจดีย์องค์ใหญ่ของวัดพระบรมธาตุ เมืองนครชุม ในพระราชนิพนธ์ เรื่อง เสด็จประพาสกำแพงเพชร ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งเขียนเมื่อ พ.ศ.2447 ได้กล่าวถึงจารึกบนแผ่นลานทอง อันมีข้อความเกี่ยวกับการขุดพบพระต่างๆ ตามกรุต่างๆ หลักฐานชิ้นสำคัญ อันเกี่ยวกับเมืองกำแพงเพชร ได้แก่ ศิลาจารึกนครชุม ที่กล่าวถึงการสร้างเมือง โดยพระมหาธรรมราชาลิไท ประมาณ พ.ศ.1279
เผยแพร่เมื่อ 03-02-2017 ผู้เช้าชม 21,121
พระกำแพงซุ้มกอ ถือกันว่า เป็นพระเครื่องชั้นสูง อันเป็นที่นิยมสูงสุดของพระกำแพงทั้งหลายและได้ถูกจัดเข้าอยู่ในชุดพระเครื่องที่เรียกกันว่า เบญจภาคี มีหลักฐานปรากฏว่าเป็นพระที่สร้างโดยพระมหากษัตริย์ พระกำแพงซุ้มกอ พบทั้งแบบที่เป็นเนื้อดินผสมว่านและเกสรดอกไม้ เนื้อชิน เนื้อที่ถือว่าเป็นพระสำคัญชั้นสูง คือ เนื้อ ที่ทำด้วยว่าน มีแผ่นทองคำ ประกบไว้ด้านหน้าซึ่งคนเฒ่าคนแก่และนักนิยมพระกำแพงในยุคเก่าเรียกกันว่า พระว่านหน้าทอง พระว่านหน้าทอง สร้างขี้นน้อยมาก นอกจากจะน้อยมากแล้วพระที่พบมักจะชำรุดเป็นส่วนใหญ่ หาพระที่สมบูรณ์ยากมาก ในยุคเก่าถือกันว่าเป็นพระชั้นสูงสร้างขึ้นสำหรับท้าวพระยา และแม่ทัพ นายกอง
เผยแพร่เมื่อ 16-08-2019 ผู้เช้าชม 11,869
พระกำแพงซุ้มกอ จัดเป็นพระที่สุดยอด และเอกของเมืองกำแพงเพชร เป็นพระที่อมตะ ทั้งพุทธศิลป์ และพุทธคุณถูกจัดอยู่ในชุดเบญจภาคีที่สูงสุดของพระเครื่องเมืองไทย พระกำแพงซุ้มกอ เป็นพระที่ทำจากเนื้อดินผสมว่านและเกสรดอกไม้ และทำจากเนื้อชิน ก็มีพุทธลักษณะของพระซุ้มกอนั้นองค์พระประติมากรรม ในสมัยสุโขทัย นั่งสมาธิลายกนกอยู่ด้านข้างขององค์พระนั่งประทับอยู่บนบัวเล็บช้าง ขอบของพิมพ์พระจะโค้งมนลักษณะคล้ายตัว ก.ไก่ คนเก่า ๆ จึงเรียกว่า “พระซุ้มกอ” พระกำแพงซุ้มกอ ที่ค้นพบมีด้วยกัน 5 พิมพ์ ประกอบด้วย พิมพ์ใหญ่ แยกออกเป็น 2 ประเภท คือ มีลายกนกและไม่มีลายกนก พระที่ไม่มีลายกนกส่วนใหญ่มักจะมีสีดำ หรือสีน้ำตาลแก่ซึ่งเรามักจะเรียกว่า “พระกำแพงซุ้มกอดำ” พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก พิมพ์เล็กพัดโบก พิมพ์ขนมเปี๊ย พระกำแพงซุ้มกอ ทั้งมีลายกนกและไม่มีลายกนกเป็นพระที่มีศิลปะของสุโขทัยปนกับศิลปะศรีลังกา โดยเฉพาะไม่มีลายกนกจะเห็นว่าเป็นศิลปะศรีลังกาอย่างเด่นชัด พระกำแพงซุ้มกอ เนื้อขององค์พระ ใช้ดินผสมกับว่านเกสรดอกไม้ จึงทำให้เนื้อของพระซุ้มกอมีลักษณะนุ่มมัน ละเอียดเมื่อนำสาลีหรือผ้ามาเช็ดถูจะเกิดลักษณะมันวาวขึ้นทันที
เผยแพร่เมื่อ 15-08-2019 ผู้เช้าชม 147,823
พระกำแพงสามขา วัดเสด็จ เป็นพระที่พบเจอครั้งแรก ในปี 2549 โดยพบใต้ฐานพระประธานในอุโบสถ เป็นพระเนื้อโลหะ ลักษณะคล้ายพระสกุลช่างดังที่ได้กล่าวข้างต้น แต่ไม่สามารถสืบทราบ ปี พศ. ที่ได้จัดสร้าง ไม่มีข้อมูลผู้สร้างพระ มีเพียงข้อสันนิษฐานว่ามีการสร้างตั้งแต่ก่อนมีวัดเสด็จ เพราะการ ขุดพบนั้น ได้ขุดพบบริเวณใต้ฐานพระประธาน นั่นหมายถึง มีการสร้างก่อนที่รัชกาลที่ 5 เสด็จพระพาสต้น และศิลปะเป็นแบบสุโขทัย ซึ่งเป็นพระเนื้อสัมฤทธิ์ มีฐานคล้ายขาโต๊ะ เป็น 3 ขา จึงสันนิษฐานได้ว่าเป็นศิลปะแบบเดียวกันกับพระสกุลช่าง กำแพงเพชร แต่พระที่วัดเสด็จไม่ได้มีการจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกำแพงเพชร ในปัจจุบัน
เผยแพร่เมื่อ 27-06-2022 ผู้เช้าชม 6,180
จังหวัดกำแพงเพชร นับเป็นกรุพระเครื่องที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทย โดยเฉพาะโบราณสถานที่ตั้งอยู่ของ 2 ฟากฝั่งแม่น้ำปิง คือ ฝั่งตะวันออกเมืองกำแพงเพชรและฝั่งตะวันตกเมืองนครชุม (ทุ่งเศรษฐี) มีโบราณสถานรวม 81 แห่ง ในพื้นที่ 2,407 ไร่ ซึ่งในวงการพระฯ ทั่วประเทศถือมีพระองค์เบญจภาคีอยู่ 9 องค์ เฉพาะพระเครื่องเมืองกำแพงเพชรถูกยกย่องมีพระองค์เบญจภาคีถึง 3 องค์ คือ 1. พระซุ้มกอ "ทรงนั่งสมาธิ" 2. พระเม็ดขนุน "ทรงลีลา" (เขย่ง) และ 3. พระพลูจีบ "ทรงเหินฟ้า" ถ้าย่ิ่งเป็นพระเครื่องที่อยู่ในสกุลกรุต่างๆ ของทุ่งเศรษฐีแล้ว ผู้ที่มีไว้ครอบครองจะถือเสมือนได้สมบัติอันมีค่าควรเมืองทีเดียว
เผยแพร่เมื่อ 14-08-2019 ผู้เช้าชม 11,886