“วันมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ” ถือเป็นวันที่มีความพิเศษต่อช่างฝีมือแรงงานไทยทั่วประเทศ เนื่องจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอให้ วันที่ 2 มีนาคม ของทุกปี ถือเป็น วันมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ รวมถึงมีการถวายพระราชสมัญญาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ว่า “พระบิดาแห่งมาตรฐานการช่างไทย” เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถทางการช่างและเป็นแบบอย่างและแรงใจต่อแรงงานไทยทุกคน
การถวายพระราชสมัญญาและกำหนดให้วันที่ 2 มีนาคม ของทุกปีนับแต่นี้ไป เป็นวันมาตรฐานฝีมือแรงงานนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2513 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันฝีมือช่างแห่งชาติ ครั้งที่ 1 โดยกรมแรงงานสังกัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้นเป็นเจ้าภาพ การเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนั้น แสดงให้เห็นถึงพระราชหฤทัยในการเล็งเห็นถึงความสำคัญของการช่างไทย โดยในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้มี พระราชดำรัส ตอนหนึ่งว่า
" ช่างทุกประเภท เป็นกลไกสำคัญอย่างยิ่งในชีวิตของบ้านเมืองและของคนทุกคนเพราะตลอดชีวิตของคนเรา เราต้องอาศัยและใช้บริการสิ่งต่าง ๆ ที่ได้มาจากฝีมือของช่างอยู่ทุกวี่ทุกวัน ผู้เป็นช่างจึงสมควรได้รับความเอาใจใส่สนับสนุนจากทุก ๆ ฝ่าย ยิ่งในสมัยปัจจุบัน วิทยาการทุกอย่างเจริญก้าวหน้ายิ่งจำเป็นต้องส่งเสริมมากเป็นพิเศษเพื่อให้ได้ช่างที่มีความสามารถสูง ให้มีสิ่งใช้สอยที่มีคุณคุณภาพดีและเพียงพอกับความต้องการ ในการส่งเสริมนั้น มีปัญหาอันควรจะได้พิจารณาช่วยเหลืออยู่สามประการ
-ประการแรก ได้แก่ ปัญหาเรื่องการให้ความรู้ทางหลักวิทยาการ และความรู้ทางการออกแบบ
-ประการที่สอง ได้แก่ ปัญหาเรื่องฝีมือซึ่งต้องปรับปรุงให้มีความประณีตและประสิทธิภาพได้มาตรฐานจริง ๆ
-ประการที่สาม ได้แก่ ปัญหาเรื่องการจัดหางานและหาตลาด เพื่อช่วยให้ช่างได้มีงานทำ มีตลาดที่จะส่งสินค้าที่ผลิตได้ไปจำหน่าย
การช่วยเหลือทั้งสามประการนี้จะต้องการทำให้สอดคล้องกันไป เพื่อให้ช่างมีรายได้และผลกำไรสำหรับนำมาเป็นทุนรอนสร้างฐานะและความก้าวหน้า ข้าพเจ้า ใคร่ขอฝากความคิดทั้งนี้ ไว้เป็นแนวปฏิบัติของท่านทั้งหลายต่อไป...." (พระราชดำรัสในพิธีเปิดงานแนะแนวอาชีพและแข่งขันฝีมือช่างของสโมสรโรตารี กรุงเทพฯใต้ ณ ลุมพินีสถาน วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2513)
นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ยังทรงสนพระราชหฤทัยในงานช่างตั้งแต่ยังทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เนื่องจากมีบันทึกว่าหากพระองค์ทรงอยากได้ของเล่นชิ้นใด ต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเองหรือทรงประดิษฐ์ขึ้นมาเอง โดยในครั้งทรงพระเยาว์นั้น พระองค์ได้ทรงประดิษฐ์ของเล่นด้วยพระองค์เอง อาทิ เครื่องร่อน เรือรบจำลอง และรถลากไม้ พระอัจฉริยภาพในการเป็น "นักประดิษฐ์" และ “นักการช่าง” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพื้นฐานมาจาก "การประดิษฐ์ของเล่นสมัยทรงพระเยาว์" นั่นเอง
แม้ภายหลังจากที่ได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ยังคงสนพระราชหฤทัยในงานช่างอยู่เสมอ ดังงานช่างชิ้นหนึ่งที่แสดงถึงพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อย่างเป็นที่ประจักษ์ชัด คือ “ผลงานการออกแบบและต่อเรือ” เนื่องจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงสนพระราชหฤทัยในกีฬาเรือใบเป็นอย่างยิ่ง ประกอบกับทรงพระปรีชาสามารถทางการช่าง ทำให้ทรงมีผลงานการออกแบบและต่อเรือใบที่ดีเลิศ โดยทรงชนะเลิศการแข่งขันกีฬาเรือใบในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 พุทธศักราช 2510 ณ ประเทศไทย ด้วยเรือที่ทรงต่อขึ้นด้วยพระองค์เอง จึงเป็นที่ประจักษ์ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระอัจฉริยภาพทางการช่างอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ยังได้ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจต่าง ๆ มากมาย จนมีผลงานฝีมือและงานประดิษฐ์เป็นที่รู้จักหลายชิ้น รวมถึงได้รับการยอมรับและขนานนามไปทั่วโลก อย่างกังหันน้ำชัยพัฒนา และฝนหลวง เหล่านี้ถือเป็นผลงานที่ทำขึ้นเพื่อพสกนิกรของพระองค์อย่างแท้จริง โดยมิได้ทรงคำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย เพราะทรงตระหนักว่าประโยชน์สุขของประชาชนต้องมีความสำคัญก่อนเสมอ พระองค์จึงทรงเป็นแบบอย่างต่อช่างฝีมือแรงงานไทย ที่มุ่งพัฒนางานของตนเพื่อยังประโยชน์แก่ส่วนรวม
หากพิจารณาถึงแรงงานไทย ถือเป็นวิชาชีพที่มีคนไทยกลุ่มใหญ่ประกอบอาชีพนี้ และถือได้ว่า ประเทศไทย เป็นแหล่งผลิตแรงงานที่ดีและได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก เนื่องจากความละเอียดอ่อนและฝีมือการช่างที่ได้มาตรฐาน การกำหนดวันดังกล่าวให้เป็นวันสำคัญสำหรับแรงงานไทยทุกคน จึงถือเป็นการปลุกเร้าให้ช่างฝีมือแรงงานไทยพยายามพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้น ดังพระประสงค์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำริไว้
ในวันที่ 2 มีนาคม ของทุกปี จึงถือเป็นวันที่แรงงานและช่างฝีมือไทยทุกคน ต่างได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น ในการพัฒนาฝีมือการช่างเพื่อประโยชน์แด่ส่วนรวม ดังพระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติเป็นแบบอย่างเสมอมา สมดังพระราชสมัญญา “พระบิดาแห่งมาตรฐานการช่างไทย” และเพื่อให้แรงงานและช่างฝืมือไทยต่างได้ย้อนเห็นถึงคุณค่าของแรงงานและช่างฝีมือ ในการเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยให้พัฒนาอย่างทัดเทียมกับชาติอื่นๆ และร่วมกันพัฒนาฝีมือช่างของตนเพื่อให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลกสืบไป ดังที่คนไทยภาคภูมิใจในวัฒนธรรมฝีมือการช่างและพระอัจฉริยภาพของในหลวงของเรา
Published on 2 มีนาคม 2567
Your privacy is important to us. We need your data just for the important process of services. Please allow if you accept the term of privacy comply with PDPA Read term and privacy policy Allow
High quality learning resources to develop graduates and communities.
OPEN
Mon - Sat 8.30 AM - 4.30 PM, Sun 8.30 AM - 4.30 PM
Website : https://arit.kpru.ac.th Webmaster Contact : anucha_pu@kpru.ac.th
The Office Of Academic Resource And Information Technology
Kamphaeng Phet Rajabhat University
69 Moo. 1 Nakorn Chum District, Muang, Kamphaeng Phet Province 6200 THAILAND
Phone 055-706555 Ext. 1503