งานวิจัย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ
-
บทคัดย่อ
-
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ
-
ปี พ.ศ. 2566--
คณะผู้วิจัย
1. ผศ.ทิพย์วรรณ ศิบุญนันท์ ผู้ร่วมวิจัย
2. ผศ.คมสันต์ นาควังไทร ผู้ร่วมวิจัย
3. ผศ.นงลักษณ์ จิ๋วจู ผู้ร่วมวิจัย
4. ผศ.ดร.อดิเรก ฟั่นเขียว หัวหน้าโครงการ
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ
Guidelines for business adaptation of gem and jewelry entrepreneurs in Mae Sot District, Tak Province under the Covid-19 pandemic
บทคัดย่อ
-
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ
-
ปี พ.ศ. 2565-2566
คณะผู้วิจัย
1. อาจารย์ราววาด ยิ้มสวัสดิ์ ผู้ร่วมวิจัย
2. อาจารย์ณัฐภาณี บัวดี หัวหน้าโครงการ
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ
-
บทคัดย่อ
-
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ
-
ปี พ.ศ. 2564-2565
คณะผู้วิจัย
1. รศ.ดร.แดนชัย เครื่องเงิน หัวหน้าโครงการ
2. ผศ.พรรษพร เครือวงษ์ ผู้ร่วมวิจัย
3. ผศ.ดร.วิษณุ บัวเทศ ผู้ร่วมวิจัย
4. ผศ.ดร.อดิเรก ฟั่นเขียว ผู้ร่วมวิจัย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ
-
บทคัดย่อ
-
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ
-
ปี พ.ศ. 2562-2563
คณะผู้วิจัย
1. ผศ.คมสันต์ นาควังไทร ผู้ร่วมวิจัย
3. ผศ.ดร.อดิเรก ฟั่นเขียว หัวหน้าโครงการ
4. อาจารย์ณัฐภาณี บัวดี ผู้ร่วมวิจัย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ
Model Development for raising citizenship awareness to youth in 5 district Border District, Tak province.
บทคัดย่อ
ด้วยเหตุการณ์ทางการเมืองในสังคมในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาทำให้มีปัญหาด้านความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในด้านการใช้สิทธิหน้าที่ตามกฎหมายของพลเมือง รวมไปถึงการใช้เสรีภาพเกินขอบเขต และปัญหาการเรียกร้องด้วยการชุมนุมประท้วงด้วยการถูกชักจูง และการร้องขอความเป็นธรรมจากภาครัฐ หน้าที่ทางการเมืองของประชาชน สู่การเรียกร้องการแก้ไขปัญหาจากหลายภาคส่วน ในเรื่องของการจัดการแก้ไขปัญหาในเรื่องของการส่งเสริมและกระตุ้นให้นำไปสู่การชุมนุมทางการเมือง เมื่อการยุติการชุมนุมลงในแต่ละครั้งยังเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อให้เหตุการณ์สงบลงเท่านั้น แต่แกนนำและผู้เข้าร่วมยังคงติดตามเหตุการณ์และเฝ้าคอยโอกาสที่จะกลับมาสู่การเมืองบนท้องถนน ด้วยการใช้สื่อและข่าวสารต่างๆที่มีการพัฒนามากขึ้น รวมไปถึงการสร้างม็อบย่อยในสังคมออนไลน์ สาเหตุหลักของปัญหาเหล่านี้มิได้เกิดจากระบบการเมืองเท่านั้น หากแต่เป็นข้อมูลข่าวสารและการปลูกฝังจิตสำนึกพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยด้วย การดำเนินการกิจกรรมทางการเมือง การชุมเรียกร้องต่างโดยหลักๆ จะเป็นการเรียกร้องเพื่อเสถียรภาพของการเป็นรัฐบาลมากกว่าการกล่าวถึง โอกาสการใช้เสรีภาพ สิทธิและหน้าที่ของประชาชนเอง แม้ว่าประเทศไทยจะเปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแล้วตั้งแต่พุทธศักราช 2475 จนกระทั่งทุกวันนี้ โอกาสของการใช้สิทธิในฐานะความเป็นพลเมืองเอง ในการเมืองระดับชาติหรือการเมืองท้องถิ่น มักจะเห็นชัดเจนเพียงการใช้สิทธิเลือกตั้งซึ่งมีเพียงสี่ปีต่อครั้งหรือเมื่อหลุดพ้นจากตำแหน่งเท่านั้น และหลังการเปลี่ยนการปกครองเรื่อยมาการพัฒนาการเมืองของไทยยังเป็นการรักษาความเป็นประชาธิปไตยให้มากที่สุด โดย เสถียรภาพทางการเมืองจะอยู่ในบทบาทของการรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลซึ่งเข้ามาบริหารประเทศ ณ เวลานั้นๆ การตัดสินใจทางการเมืองมักยังไม่ได้ให้บทบาทหรือความสำคัญกับภาคพลเมืองในการมีส่วนร่วมมากนัก รวมทั้งทางด้านภาคพลเมืองเองก็ค่อนข้างจะไม่ได้ตระหนักถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเองที่พึงมีตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่วางหลักให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ
-
ปี พ.ศ. 2560-2561
คณะผู้วิจัย
1. ผศ.คมสันต์ นาควังไทร ผู้ร่วมวิจัย
2. ผศ.ดร.อดิเรก ฟั่นเขียว หัวหน้าโครงการ
3. อาจารย์ณัฐภาณี บัวดี ผู้ร่วมวิจัย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ
-
บทคัดย่อ
-
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ
-
ปี พ.ศ. 2564-2565
คณะผู้วิจัย
1. อาจารย์ดร.ประพล จิตคติ ผู้ร่วมวิจัย
2. ผศ.ดร.อดิเรก ฟั่นเขียว ผู้ร่วมวิจัย
3. อาจารย์ณัฐภาณี บัวดี ผู้ร่วมวิจัย
4. อาจารย์นันทนัช ตนบุญ ผู้ร่วมวิจัย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ
-
บทคัดย่อ
-
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ
-
ปี พ.ศ. 2563-2564
คณะผู้วิจัย
2. อาจารย์ราววาด ยิ้มสวัสดิ์ หัวหน้าโครงการ
3. อาจารย์ณัฐภาณี บัวดี ผู้ร่วมวิจัย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ
-
บทคัดย่อ
-
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ
-
ปี พ.ศ. 2562-2563
คณะผู้วิจัย
1. รศ.ดร.โอกามา กุพันธ์ ผู้ร่วมวิจัย
2. ผศ.ดร.กรรณิกา อุสสาสาร ผู้ร่วมวิจัย
3. อาจารย์อรทัย อนุรักษ์วัฒนะ ผู้ร่วมวิจัย
4. อาจารย์ดร.พิมประไพ ขาวขำ ผู้ร่วมวิจัย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ
This research had the objectives ...
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่องการยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันบนฐานนอัตลักษณ์ชุมชนของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตากครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาอัตลักษณ์ชุมชนและอัตลักษณ์ผลิตภัณฑ์ชุมชนของวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก 2)ศึกษาแนวทางยกระดับขีดความสามารถจากวิสาหกิจชุมชนต้นแบบ 3) ศึกษาปัจจัยเอื้อและปัจจัยขัดขวางการดำเนินธุรกิจ 4) ศึกษาศักยภาพการดำเนินงานและศักยภาพการแข่งขันของวิสาหกิจชุมที่มีอัตลักษณ์ผลิตภัณฑ์สอดคล้องกับอัตลักษณ์ชุมชน 5) ศึกษาความต้องการผลิตภัณฑ์ตามอัตลักษณ์ชุมชนของนักท่องเที่ยว และ 6) ยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของวิสาหกิจชุมชนที่มีอัตลักษณ์ผลิตภัณฑ์สอดคล้องกับอัตลักษณ์ชุมชน การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา ผู้ให้ข้อมูลสำคัญได้แก่ เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดและสำนักงานเกษตรอำเภอ จำนวน 10 คน ผู้นำชุมชน/ผู้ทรงภูมิปัญญา/ปราชญ์ชาวบ้าน จำนวน 15 คน นักท่องเที่ยว จำนวน 400 คน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ จำนวน 84 แห่ง กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเป้าหมาย จำนวน 17 แห่ง และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต้นแบบ จำนวน 2 แห่ง เครื่องมือการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ จำนวน 7 ชุด แบบสอบถาม จำนวน 3 ชุด วิเคราะห์ข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ สถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน มีผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ที่สำคัญ ดังนี้ 1. อัตลักษณ์ชุมชนมี 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการเกษตร ด้านองค์ความรู้/ภูมิปัญญาท้องถิ่น และด้านประเพณีวัตนธรรมท้องถิ่น โดยมีอัตลักษณ์ผลิตภัณฑ์ชุมชนของวิสาหกิจชุมชน 3 กลุ่มประเภทผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กลุ่มผลผลิตทางการเกษตรและอาหารแปรรูป กลุ่มผ้าเครื่องแต่งกาย และกลุ่มสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร 2. แนวทางยกระดับขีดความสามารถของวิสาหกิจชุมชนต้นแบบ 2 แห่ง คือ วิสาหกิจชุมชนผ้าทอนาหมื่นศรี อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง และวิสาหกิจชุมชนบ้านแคว อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ ด้านทิศทางของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ด้านผู้นำกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ด้านสมาชิก การบริหารสมาชิกและการมีส่วนร่วมของสมาชิก ด้านบริหารจัดการ การวางแผนดำเนินการของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ด้านการผลิตและกระบวนการจัดการสินค้าและบริการของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ด้านต้นทุน และการบริหารการเงินในกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ด้านการตลาดของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และด้านการมีปฏิสัมพันธ์กับภายนอก 3. ปัจจัยเอื้อในการดำเนินธุรกิจมีทั้งหมด 5 ปัจจัย โดยเป็นปัจจัยเอื้อที่เป็นปัจจัยภายใน 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยด้านบุคลากร และปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ และปัจจัยภายนอก 3 ปัจจัย คือ ปัจจัยนโยบายรัฐบาล ปัจจัยเครือข่าย และปัจจัยการคมนาคม ส่วนปัจจัยขัดขวางในการดำเนินธุรกิจมีทั้งหมด 5 ปัจจัย โดยเป็นปัจจัยขัดขวางที่เป็นปัจจัยภายใน 5 ปัจจัย คือ ปัจจัยด้านการตลาด ปัจจัยด้านเงินทุนงบประมาณ ปัจจัยการบริหารจัดการองค์กร ปัจจัยด้านที่ตั้ง และปัจจัยผลิตภัณฑ์ และปัจจัยภายนอก 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยการมีส่วนร่วม และปัจจัยคู่แข่งขัน 4. การประเมินศักยภาพการดำเนินงานจากวิสาหกิจชุมชนเป้าหมาย 17 แห่ง มีวิสาหกิจชุมชนที่ค่าเฉลี่ยผ่านเกณฑ์ในการคัดเลือก เป็นวิสาหิจชุมชนที่มีศักยภาพที่จะสามารถยกระดับขีดความสามารถได้ มี 5 แห่ง ได้แก่ 1) วิสาหกิจชุมชนข้าวใส่ใจ 2) วิสาหกิจชุมชนพอดีสมุนไพร 3) วิสาหกิจชุมชนเกษตรประณีต 4) วิสาหกิจชุมชนแปรรูปสมุนไพรปลูกรัก และ 5) วิสาหกิจชุมชนผ้าทอกะเหรี่ยงบ้านทีกะเป่อ ศักยภาพการแข่งขันของวิสาหกิจชุมชนโดยรวมของวิสาหกิจชุมชนใน 3 กลุ่มประเภทผลิตภัณฑ์ พบว่า ศักยภาพการแข่งขันในทุกด้าน ทั้ง 5 ด้าน คือ อำนาจต่อรองกับลูกค้า อำนาจต่อรองกับผู้ส่งมอบ ภัยจากผู้ผลิตรายใหม่ ภัยจากการใช้สินค้าทดแทน และการแข่งขันกับคู่แข่งรายเดิม อยู่ในระดับปานกลาง โดยผลค่าเฉลี่ยยิ่งต่ำแสดงว่ายิ่งมีศักยภาพการแข่งขันสูง โดยด้านที่วิสาหกิจชุมชนมองว่ามีศักยภาพการแข่งขันสูงมีค่าเท่ากันใน 3 ด้าน คือ ด้านอำนาจต่อรองกับผู้ส่งมอบ ด้านภัยจากผู้ผลิตรายใหม่ และด้านภัยจากการใช้สินค้าทดแทน ด้านรองลงมาคือด้านอำนาจต่อรองกับคู่แข่งรายเดิม และด้านที่วิสาหกิจชุมชนคิดว่ามีศักยภาพการแข่งขันน้อยที่สุด คือ ด้านอำนาจต่อรองกับลูกค้า 5. ความต้องการผลิตภัณฑ์ตามอัตลักษณ์ชุมชนของนักท่องเที่ยวตามลำดับ ได้แก่ ต้องการด้านชนิดผลิตภัณฑ์ที่แสดงอัตลักษณ์ชุมชน ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคาสินค้า ด้านที่ตั้ง/ช่องทางการจำหน่าย ด้านการส่งเสริมการขาย และด้านความเฉพาะเจาะจง 6. แนวทางการพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนส่วนกระบวนการ ได้แก่ ด้านการบริหารตลาด รองลงมาคือ ด้านการจัดความรู้และข้อมูล ด้านการบริหารสมาชิกวิสาหกิจชุมชน ด้านการบริหาร ด้านการจัดการสินค้าหรือบริการ ด้านการวางแผนการดำเนินงาน และด้านผู้นำตามลำดับ ส่วนผลลัพธ์ ได้แก่ ด้านคุณภาพสินค้าหรือบริการ ด้านประสิทธิภาพการดำเนินงาน ด้านผลลัพธ์ตามภารกิจของวิสาหกิจชุมชน และด้านการพัฒนาวิสาหกิจชุมชน ยิ่งกว่านั้นยังมีการพัฒนาและอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาเว็บไซต์ระบบจำหน่ายผลิตภัณฑ์ โดยมีผลการประเมินความพึงพอใจด้านข้อมูลของเว็บไซต์อยู่ในระดับมากที่สุด และด้านประสิทธิภาพของเว็บไซต์ที่พัฒนาขึ้น มีความพึงพอใจรวมอยู่ในระดับมาก
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ
This research had the objectives ...
ปี พ.ศ. 2561-2562
คณะผู้วิจัย
1. ผศ.ดร.อดิเรก ฟั่นเขียว หัวหน้าโครงการ
2. อาจารย์ณัฐภาณี บัวดี ผู้ร่วมวิจัย