Kamphaeng Phet Rajabhat University

เขตข้อมูล รายการ
ฐานข้อมูล

วิทยานิพนธ์/Thesis

เลขทะเบียน

20241001105329

ชื่อเรื่อง

แนวทางพัฒนาการบริหารงานวิชาการในความปรกติใหม่ของโรงเรียนมัธยมสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำแพงเพชร

ชื่อเรื่องรอง

Guidelines For Academic Affairs Administration Development In The New Normal of Secondary Schools Under Kamphaeng Phet Secondary Educational Service Area Office

ผู้แต่ง

ฎาริชา สาริทธญาณ์

ปี

2566

หัวเรื่อง

การบริหารงานวิชาการ

สถานศึกษา - การบริหาร

ความปรกติใหม่

การบริหารจัดการสถานศึกษา

การบริหารงานวิชาการ

สถานที่พิมพ์

มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

รายละเอียด

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาการบริหารงานวิชาการในความปรกติใหม่ (2) เพื่อเปรียบเทียบสภาพการบริหารงานวิชาการในความปรกติใหม่ จำแนกตามขนาดของโรงเรียน และ (3) เพื่อหาแนวทางพัฒนาการบริหารงานวิชาการในความปรกติใหม่ ของโรงเรียนมัธยมสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำแพงเพชร กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ผู้บริหารและครู จำนวน 317 คน ได้มาโดยการเปิดตารางกำหนดกลุ่มตัวอย่างของเคร็จซี่และมอร์แกน และการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน ผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 17 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติหาค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การแจกแจงความถี่ ร้อยละ จัดลำดับ และการหาค่าความแปรปรวนทางเดียว ผลการวิจัย พบว่า (1) สภาพการบริหารงานวิชาการในความปรกติใหม่ ของโรงเรียนมัธยมสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำแพงเพชร โดยภาพรวมมีสภาพการบริหารงานอยู่ในระดับมาก และปัญหาการบริหารงานวิชาการในความปรกติใหม่ ที่พบมากที่สุดคือ นักเรียนไม่มีความพร้อมในสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ในการเรียนรู้ (2) ผลการเปรียบเทียบสภาพการบริหารงานวิชาการในความปรกติใหม่ ของโรงเรียนมัธยมสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำแพงเพชร จำแนกตามขนาดของโรงเรียน พบว่า ไม่แตกต่างกัน (3) แนวทางพัฒนาการบริหารงานวิชาการในความปรกติใหม่ ของโรงเรียนมัธยมสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำแพงเพชร ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า โรงเรียนควรมีการจัดเนื้อหาสาระการเรียนรู้ ปรับกิจกรรมการเรียนรู้ให้เอื้อต่อการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ ควรปรับหลักสูตรให้มีความยืดหยุ่น โดยให้เป็นรูปแบบของการเรียนในสังคมยุคดิจิทัล ควรเปิดช่องทางให้นักเรียนได้ติดตามการก้าวหน้าให้ทราบตลอดผ่านทางออนไลน์ ผู้บริหารควรชี้แจงวัตถุประสงค์และตระหนักถึงความสำคัญของการแก้ปัญหาการเรียนรู้โดยใช้การวิจัยควรปรับเปลี่ยนวิธีการประเมินให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ความปรกติใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยและควรกำหนดนโยบายโดยอ้างอิงตามบริบทของตนเอง มีความยืดหยุ่น สามารถนำความรู้จากแหล่งต่างๆ มาปรับใช้ให้เหมาะสม และเกิดประโยชน์ต่อนักเรียน

ไฟล์เอกสาร ที่ 1

T68-07.pdf