พิธีห่มผ้าพระธาตุเจดีย์
เผยแพร่เมื่อ 12-12-2024 ผู้ชม 514
[16.8895739, 99.105954, พิธีห่มผ้าพระธาตุเจดีย์]
พิธีห่มผ้าพระธาตุเจดีย์ เป็นการนำผ้าผืนยาวที่คนในชุมชนร่วมใจกันถวายขึ้นไปห่มองค์พระธาตุเจดีย์ โดยให้คนในชุมชนร่วมใจกันถือผ้าที่จะใช้ห่มองค์พระธาตุเจดีย์ เดินเวียนเทียนรอบพระธาตุเจดีย์ จำนวน ๓ รอบ โดยจะต้องตั้งฐานจิตเพื่อสืบทอดพระศาสนา เจริญบุญกุศลในธรรม จรรโลงคุณงามความดี ก่อนจะนำผ้าขึ้นไปห่มรอบองค์พระธาตุเจดีย์
ผ้าห่มพระธาตุเป็นสื่อนำจิตของเราให้ตั้งปณิธานเพื่อที่จะทำตามเจตนารมณ์ที่ตั้งฐานจิตไว้ ซึ่งการห่มผ้าพระธาตุเจดีย์ถูกจัดว่าเป็นมหาบุญกุศลที่ใหญ่ ด้วยเหตุผลดังนี้
1. พระธาตุเจดีย์เป็นตัวแทนสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้า
2. พระธาตุเจดีย์เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณงามความดี เป็นนิมิตหมายเครื่องเตือนใจ ละชั่วทำดี
การห่มผ้าพระธาตุเจดีย์ จะมีใจความของการห่มอยู่ 3 ประการ คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบของพระธาตุเจดีย์ โดยมีที่มาจาก
1. ในพระธาตุเจดีย์ก็มีพระบรมสารีริกธาตุ (กระดูก) ของพระพุทธเจ้าอยู่ ก็ถือว่าเป็นพระพุทธ
2. ในพระธาตุเจดีย์ก็มีพระธรรมอยู่ในพระธาตุ ถ้าไม่มีพระธรรมพระธาตุเจดีย์ก็ดำรงอยู่ไม่ได้ และ
3. พระธาตุเจดีย์ก็มีพระสงฆ์เป็นผู้นำการก่อสร้าง เป็นผู้ดูแล
เมื่อมีการนำผ้าห่มพระธาตุมาถวายห่มพระเจดีย์ ถือเป็นการรักษาให้พระเจดีย์ยังคงอยู่สืบทอดต่อไป และเพื่อแสดงปณิธานเจตนารมณ์ ที่จะยึดมั่นในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เท่ากับยังพระศาสนาให้ยั่งยืนตลอดกาล ก็เปรียบเสมือนเราได้ทำบุญกับพระพุทธเจ้าและเหล่าผู้คน ได้ทำความดี ละเว้นความชั่ว ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ทำให้โลกนี้เกิดปลอดภัย พบสันติสุข
โดยพระธาตุเจดีย์ที่ตั้งอยู่ที่วัดโบสถ์มณีศรีบุญเรือง เป็นพระธาตุเจดีย์ทรงมอญสีทอง มีวิหารแบบไทยอยู่ด้านหน้าติดกับพระเจดีย์ ด้านในวิหารประดิษฐานหลวงพ่อพุทธมนต์ พระพุทธรูปปางมารวิชัยเนื้อสำริด ศิลปะสมัยสุโขทัย แต่เดิมนั้น พระธาตุเจดีย์ทรงมอญเป็นสีขาว ภายหลังบูรณะเป็นสีทองสวยงาม เหตุที่สร้างเคียงกันกับวิหาร ซึ่งเป็นวิหารแบบไทยนั้น คาดว่าน่าจะมาจาก เรื่องราวในประวัติศาสตร์เพื่อยืนยันถึงความสัมพันธ์ในสมัยก่อนของคนไทย และคนมอญที่มีการติดต่อไปมาหาสู่กัน เป็นไปตามประวัติได้บันทึกไว้ เมื่อครั้ง “มะกะโท” ชาวมอญแห่งเมืองเมาตะมะ เมืองพม่าได้เข้ามารับราชการอยู่ในกรุงสุโขทัยสมัยราชวงศ์พระร่วง ราวปี พ.ศ.1800 หรือราวกว่า 700 ปีมาแล้ว มะกะโทได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์มอญนามว่า พระเจ้าฟ้ารั่ว เมื่อปี พ.ศ. 1836 ครั้งนั้นมอญอยู่ในอำนาจการปกครองของกรุงสุโขทัย พระเจ้าแสนเมืองมิ่ง กษัตริย์มอญองค์ต่อมาก็ยังขึ้นตรงต่อสุโขทัย จนกระทั้งสิ้นรัชกาล พ่อขุนรามคำแหง มอญจึงแยกตัวเป็นอิสระ บันทึกประวัติศาสตร์ไทยกล่าวถึงชาวมอญ เคยมีอำนาจรุ่งเรืองปกครองภาคใต้ของพม่าเคยประกาศเอกราชที่เมืองหงสาวดี รวมไปถึงพุทธสถานสำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศพม่า คือ เจดีย์ชเวดากองที่เมืองย่างกุ้ง ก็เป็นผลงานการก่อสร้างของชาวมอญ ทั้งนี้ เจดีย์ขาวบริสุทธิ์แห่งวัดโบสถ์มณีศรีบุญเรือง เป็นอิทธิพลแห่งศิลปกรรม วัฒนธรรม ที่สืบสานต่อมาและยืนยันความสัมพันธ์แห่งเผ่าพันธ์เชื้อชาติ ของคนไทย และคนมอญที่มีการติดต่อไปมาหาสู่กัน
ประวัติวัดโบสถ์มณีศรีบุญเรือง วัดโบสถ์มณีศรีบุญเรือง สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ประมาณ พ.ศ.2400 ผู้สร้างคือ พระยาวิชิตรักษา (แก้ว เจ้าเมืองตาก) อุโบสถสร้างเมื่อ พ.ศ.2410 แต่เดิมนั้นมีอยู่ 2 วัด ติดต่อกันคือ วัดโบสถ์มณีราษฎร์ กับวัดศรีบุญเรือง โดยมีกำแพงกั้นอยู่ด้านหลังอุโบสถของวัดโบสถ์มณีราษฎร์ ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2456 สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ได้เสด็จตรวจการพระสงฆ์ จังหวัดตาก ได้เสด็จเยี่ยมวัดโบสถ์มณีราษฎร์วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2456 พระองค์ทรงปรารภว่า ถ้าได้รวมวัดศรีบุญเรืองกับวัดโบสถ์มณีราษฎร์เป็นวัดเดียว โดยให้ชื่อว่า “วัดโบสถ์มณีศรีบุญเรือง” จะเป็นการดียิ่ง หลังจากนั้นจึงได้มีการรวมวัดทั้งสองดังกล่าวเป็นวัดเดียว ต่อมาได้มีการเปลี่ยนนามวัดเสียใหม่ให้มีนามว่า “วัดโบสถ์มณีศรีบุญเรือง” เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2497 นับเป็นวัดชนิดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาแล้วประมาณ พ.ศ.2410
สถานที่ตั้ง
ที่ตั้งเลขที่ 231 บ้านรมณีย์ ถนนตากสิน ตำบลหนองหลวง อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก
คำสำคัญ : พิธีห่มผ้าพระธาตุเจดีย์
ที่มา : https://tak.m-culture.go.th/th/db-95-tak-72/240072
รวบรวมและจัดทำข้อมูล : กาญจนา จันทร์สิงห์
สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มาหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร. (2567). พิธีห่มผ้าพระธาตุเจดีย์. สืบค้น 16 พฤษภาคม 2568, จาก https://arit.kpru.ac.th/ap2/local/?nu=pages&page_id=2281&code_db=610004&code_type=TK001
Google search
ผ้าซิ่นนับเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของหญิงไทย ในสมัยโบราณการทอผ้าเป็นงานในบ้าน ลูกผู้หญิงมีหน้าที่ทอผ้า แม่จะสั่งสอนให้ลูกสาวฝึกทอผ้าจนชำนาญ แล้วทอผ้าผืนงามสำหรับใช้ในโอกาสพิเศษ เช่น งานแต่งงาน งานบวช หรืองานบุญประเพณีต่าง ๆ การนุ่งผ้าซิ่นของผู้หญิงจึงเป็นเหมือนการแสดงฝีมือของตนให้ปรากฏ ผ้าซิ่นที่ทอได้สวยงาม มีฝีมือดี จะเป็นที่กล่าวขวัญและชื่นชมอย่างกว้างขวาง และยังเป็นการบ่งบอกฐานะทางสังคม เช่น ผ้าทอที่มีลวดลายสวยงาม มีสีสันและพิสดารนั้นมักใช้เฉพาะเจ้านายในราชสำนัก หรือ คนที่มีความร่ำรวย ส่วนผ้าซิ่นลายธรรมดาเรียบงายสีสันน้อยมักใช้ในกลุ่มชาวบ้านโดยทั่วไป
เผยแพร่เมื่อ 26-01-2022 ผู้เช้าชม 804
เมืองตากในช่วงที่พระยาสุจริตรักษา เป็นเจ้าเมืองตากในขณะนั้นได้สนองตามแนวพระราชนิยมด้วยการตัดถนนตากสินและปลูกต้นมะขามไว้สองข้างถนนเพื่อความร่มเงา อันมีหลักฐานจากเอกสารท้องถิ่นคือ นิราศเมืองตาก ของขุนวัชรพุุกก์ศึกษาการกล่าวไว้ ดังนั้นจึงขอรณรงค์ให้เทศบาลและชาวเมืองตากร่วมกันอนุรักษ์ต้นไม้โบราณที่คงคุณค่าของเมืองเป็นหมุดหมายของกาลเวลาที่เราก็เลือนไปพร้อมกับผู้ที่มีชีวิตอยู่ร่วมสมัยนั้น
เผยแพร่เมื่อ 01-02-2022 ผู้เช้าชม 684
หากเอยถึงกระทงสายจังหวัดตากย่อมเป็นที่ปรากฏถึงความสวยงามและความเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น แต่หากย้อนมองกลับไปประเพณีลอยประทงสายที่รู้จักกันนั้น เกิดขึ้นมาอยู่คู่ชาวจังหวัดตากมาช้านาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุมชนที่ตั้งริมแม่น้ำปิง เมื่อข้าพเจ้ามีโอกาสได้พูดคุยกับผู้สูงอายุหลายท่าน ที่มีอายุราว 70 -90 ปี ท่านเล่าว่าประเพณีลอยกระทงสายคือ การแสดงความกตัญญูที่มีต่อธรรมชาติ นั้นก็คือแม่ปิง การแสดงออกทางความรัก ที่ส่งผ่านการทำพิธีที่เรียกว่า "การลอยผ้าป่าน้ำ"
เผยแพร่เมื่อ 25-01-2022 ผู้เช้าชม 4,107
ฮ้านน้ำหม้อ คือ ที่สำหรับวางหม้อน้ำดื่ม พร้อมที่แขวนกระบวย ตัวฮ้านมีลักษณะเป็นชั้นวางมีหลังคาทรงจั่วด้านบน เพื่อป้องกันไม่ให้มีแสงแดดส่องลงมาที่หม้อน้ำ หม้อน้ำเป็นหม้อดินเผาสีอิฐแดงระบายความร้อนได้ดีส่วนใหญ่จะมีตะไคร่สีเขียวเกาะบริเวณรอบ ๆ ตัวหม้อ ทำให้น้ำในหม้อมีความเย็นตลอดเวลา ด้านข้างมีที่แขวนกระบวยน้ำที่ทำมาจากกะลามะพร้าว ฮ้านน้ำหม้อส่วนใหญ่จะตั้งอยู่หน้าบ้าน เพื่อไว้บริการผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาเมื่อหิวน้ำก็จะแวะพักดื่มน้ำตามฮ้านน้ำหม้อที่ชาวบ้านแถวนั้นได้จัดตั้งไว้ และด้วยความเชื่อของชาวล้านนาที่ว่าการทำบุญด้วยน้ำเป็นอานิสงค์ที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ชีวิตคล่อง ทรัพย์สินเงินทอง ความสุขต่าง ๆ
เผยแพร่เมื่อ 01-02-2022 ผู้เช้าชม 2,561
"พิษฐานเอย มือหนึ่งถือพาน พานเจ้าดอก(พุด)" เสียงเอื้อนเอย จากคุณป้าทองคำ แสนคำอ้าย ลูกหลาน บ้านเสาสูงที่เมืองตาก หนึ่งในศิลปินพื้นบ้านเมืองตากที่รับสืบทอดเพลงพื้นบ้านมาจากคณะหุ่นกระปอกแห่งเมืองตาก ส่งเสียงร้องด้วยทำนองพื้นบ้าน ผู้ฟังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกถึงความเป็นศิลปินในตัวของท่าน นอกจากเสียงสำเนียงหวาน ๆ แล้วคุณป้ายังเล่าขานตำนานเพลงพื้นบ้านให้ฟังว่า เพลงพื้นบ้านที่เรียกว่าพิษฐานนี้ เป็นการละเล่นเพื่อร้องขอพรแด่องค์พระปฎิมาภายในอุโบสถ วิหารที่คนในสมัยก่อนของตาก นิยมร้องเล่นกันในช่วงปีใหม่ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งย่านชุมชนไทยพื้นถิ่นแถบวัดใหม่มะเขือแจ้ เป็นการแสดงพื้นบ้านที่ในปัจจุบันน้อยคนที่จะรู้จักและได้ยินการขับขานบทเพลงดังกล่าว
เผยแพร่เมื่อ 01-02-2022 ผู้เช้าชม 887
การล่องซุงไม้สัก ร่องรอยความเจริญของกิจการป่าไม้ในหัวเมืองทางภาคเหนือ ในอดีตก่อนการถมแม่น้ำและการสร้างเขือนภูมิพล แม่น้ำปิงเป็นเส้นทางสำคัญในการล่องแพซุงจากเชียงใหม่ลำปางสู่กรุงเทพ ซึ่งมีแหล่งค้าไม้ที่สำคัญในระยะแถววัดสระเกศ ภายหลังจึงย้ายมาอยู่แถวบางโพ เมืองตาก ในอดีตมีห้างค้าไม้ถึงสามแห่ง คือ ห้างสัญชาติอังกฤษ 2 แห่ง คือ ห้างบอมเบย์เบอร์ และห้างบริติชบอร์เนียว (ห้างบอร์เนียวฯ) ซึ่งตั้งในย่านชุมชนหัวเดียด และห้างไม้คนจีนหนึ่งแห่ง คือ กิมเซ่งหลี ซึ่งภายหลังเป็นกลุ่มคหบดีคนสำคัญในภาคเหนือ คือตระกูล โสภโณดร
เผยแพร่เมื่อ 01-02-2022 ผู้เช้าชม 1,084
ตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวล้านนา ในวันเพ็ญเดือนสิบสองจะมีการลอยโคม เพื่อบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ โดยโคมจะมีด้วยกัน 2 แบบ คือ โคมลมหรือเรียกอีกอย่างว่า ว่าวควัน จะลอยในช่วงกลางวัน และโคมไฟที่ใช้ในตอนกลางคืน ในปัจจุบันเกิดความเชื่อใหม่ขึ้น คือ ลอยโคมเพื่อปล่อยทุกข์ปล่อยโศกหรือเรื่องร้ายไปกับโคม ไม่ใช่เพื่อนมัสการพระเกศแก้วจุฬามณีอีกต่อไป
เผยแพร่เมื่อ 01-02-2022 ผู้เช้าชม 8,625
ในระหว่างเทศกาลเข้าพรรษาตามหัววัดในชุมชนคนกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในตัวเมืองตาก ทั้งกลุ่มไทยพื้นถิ่น ลาว (ยวน) มอญ ฯลฯ ล้วนสืบสานประเพณีนี้กันทั้งสิ้น ในงานตั้งธรรมหลวง(เทศน์มหาชาติ) พระท่านเทศน์เป็นคำเมือง(ปากลาว) ในปัจจุบันตามหัววัดต่าง ๆ ที่ตั้งในชุมชนต่าง ๆ ไม่แน่ใจว่ายังเทศน์ด้วยภาษาชาติพันธ์ุอยู่หรือไม่ หรือกลืนกลายไปแล้วตามกาลเวลา เพราะคนในแต่ละชุมชนสื่อสารภาษากลุ่มน้อยลงไปทุกที
เผยแพร่เมื่อ 01-02-2022 ผู้เช้าชม 958
"ปอยส่างลอง" เป็นงานประเพณีบวชลูกแก้วของไทยใหญ่ เป็นการบรรพชาสามเณรให้สืบทอดพระพุทธศาสนา และเพื่อเรียนรู้พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า โดยมีความเชื่อว่า ถ้าได้บวชให้ลูกของตนเป็นสามเณรจะได้อานิสงฆ์ 8 กัลป์ บวชลูกคนอื่นเป็นสามเณรได้อานิสงฆ์ 4 กัลป์ หากได้อุปสมบทลูกของตนเป็นพระภิกษุสงฆ์ จะได้อานิสงฆ์ 12 กัลป์ หากได้อุปสมบทลูกคนอื่นจะได้อานิสงฆ์ 8 กัลป์ และเพื่อเป็นการสืบทอดประเพณีที่มีมาดั้งเดิม
เผยแพร่เมื่อ 27-01-2022 ผู้เช้าชม 13,031
ประเพณีตานก๋วยสลาก ที่ยึดถือประเพณีนี้ได้แก่อำเภอท่าสองยาง อำเภอแม่ระมาด อำเภอแม่สอด อำเภอพบพระ อำเภออุ้มผาง และอำเภอบ้านตาก อำเภอเมืองตาก
เผยแพร่เมื่อ 15-08-2018 ผู้เช้าชม 1,485